ພຣະຣັດຕະນະໄຕ ບໍ່ແມ່ນວັດຖຸ ທັງໝົດລ້ວນແລ້ວແຕ່ເປັນນາມມະທັມ
ບໍ່ຄືກັນ ອັນໜຶ່ງຮ່າງກາຍພຣະພຸດທະເຈົ້າ ອັນໜຶ່ງວັດຖຸທີ່ບໍ່ມີໃຈ ເມື່ອໃຊ້ຄຳເອີ້ນຜິດ ກໍຖືຕາມກັນມາແບບຜິດ ເຮັດໃຫ້ຜູ້ຄົນບໍ່ເຂົ້າໃຈຄວາມໝາຍຂອງຄຳວ່າ ພຣະພຸດທະຮູບ ຢ່າງແທ້ຈິງ ເປັນປັດໄຈເຮັດໃຫ້ສາດສະໜາອັນຕະລະທານ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ธรรม ๔ ประการนี้เป็นเหตุให้พระสัทธรรมเลอะเลือนอันตรธานไป ธรรม ๔ ประการเป็นไฉน คือ ภิกษุทั้งหลายในพระวินัยนี้ เล่าเรียนสูตรอันถือกันมาผิดด้วยบทพยัญชนะที่ใช้ผิด เนื้อความแห่งบทพยัญชนะที่ใช้ผิด ย่อมมีนัยอันผิดไปด้วยนี้ธรรมประการที่ ๑ เป็นเหตุให้พระสัทธรรมเลอะเลือนอันตรธานไป...
ເພາະເມື່ອມີຄວາມເຫັນຜິດຍ່ອມມີວາຈາຜິດ
...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้มีอวิชชาไม่เห็นแจ้งย่อมมีความเห็นผิด ผู้มีความเห็นผิด ย่อมมีความดำริผิด ผู้มีความดำริผิดย่อมมีวาจาผิด ผู้มีวาจาผิด ย่อมมีการงานผิด ผู้มีการงานผิด ย่อมมีการเลี้ยงชีพผิด ผู้มีการเลี้ยงชีพผิด ย่อมมีความพยายามผิด ผู้มีความพยายามผิดย่อมมีความระลึกผิด ผู้มีความระลึกผิด ย่อมมีความตั้งใจผิด ผู้มีความตั้งใจผิด ย่อมมีความรู้ผิด ผู้มีความรู้ผิด ย่อมมีความหลุดพ้นผิด
ຜູ້ທີ່ມີຄວາມເຫັນກົງ (ທິດຖຸຊຸກຳໃນບຸນກິລິຍາວັດຖຸ 10 ປະການ) ຈະບໍ່ມອງວັດຖຸຮູບປັ້ນວ່າເປັນພຣະພຸດທະເຈົ້າຫຼືພຣະພຸດທະຮູບ ຈະເອີ້ນຕາມຄວາມເປັນຈິງ ເຊັ່ນ ຮູບປັ້ນກໍເອີ້ນວ່າຮູບປັ້ນ ເພາະປັ້ນເອົາ (Statue ຫຼື Sculpture) ຮູບແຕ້ມກໍເອີ້ນວ່າຮູບແຕ້ມ ເພາະແຕ້ມເອົາ (Drawing, Painting ...) ຮູບຖ່າຍກໍເອີ້ນວ່າຮູບຖ່າຍ ເພາະຖ່າຍເອົາ (Photograph)
...การถึงสรณะนั้น เมื่อว่าโดยความหมาย ได้แก่ การได้ศรัทธาในพระรัตนตรัยมีพระพุทธเจ้าเป็นต้น และสัมมาทิฏฐิที่มีศรัทธา (ในพระรัตนตรัยนั้น) เป็นพื้นฐานท่านเรียกว่า ทิฏฐุชุกรรม (การทำความเห็นให้ตรง) ( ซึ่งอยู่ ) ในบุญกิริยาวัตถุ ๑๐...
ປັດຈຸບັນນີ້ ພຣະພຸດທະຮູບ ບໍ່ມີ ເພາະພຣະພຸດທະເຈົ້າຕັດໄວ້ວ່າ ເມື່ອກາຍຂອງຕະຖາຄົດແຕກສິ້ນຊີວິດແລ້ວ ເທວະດາແລະມະນຸດທັງຫຼາຍຈະບໍ່ເຫັນຕະຖາຄົດອີກ ແຕ່ກໍຍັງພາກັນເອີ້ນພຣະພຸດທະຮູບຢູ່ ອັນນັ້ນມັນຮູບປັ້ນ.
...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพขาดแล้ว ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตดำรงอยู่ ต่อเมื่อกายแตกสิ้นชีวิตแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจะไม่เห็นตถาคต ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวงมะม่วงเมื่อขาดจากขั้วแล้ว ผลใดผลหนึ่งที่ติดขั้วอยู่ ย่อมติดขั้วไป ฉันใดดูก่อนภิกษุทั้งหลาย กายของตถาคตมีตัณหาอันจะนำไปสู่ภพชาติแล้วก็เหมือนฉันนั้น ยังดำรงอยู่ เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายย่อมเห็นตถาคตชั่วเวลาที่กายของตถาคตยังดำรงอยู่ ต่อเมื่อกายแตกสิ้นชีวิตแล้ว เทวดาและมนุษย์ทั้งหลายจะไม่เห็นตถาคต...
ສັນຍາລັກຂອງພຣະພຸດທະເຈົ້າ ກໍຄື ພຣະທັມ ເພາະພຣະພຸດທະເຈົ້າກໍຊົງເຄົາລົບທັມ ມີທັມເປັນທຸງ ມີທັມເປັນກາ ມີທັມເປັນອະທິປະໄຕ ສັນຍາລັກຂອງພຣະພຸດທະເຈົ້າ ຈຶ່ງບໍ່ແມ່ນຮູບປັ້ນ ເມື່ອບໍ່ແມ່ນ ຖ້າໃຜໄປເວົ້າວ່າແມ່ນ ກໍເປັນການເວົ້າຂັດແຍ້ງຕໍ່ພຣະດຳຣັດຂອງພຣະຜູ້ມີພຣະພາກເຈົ້າ ກ່າວຕູ່ພຣະອົງ ແລະຜູ້ທີ່ກ່າວຕູ່ພຣະອົງຍ່ອມປະສົບບາບເປັນອັນມາກ .
ດັ່ງນັ້ນ ຄວນເລີກຄິດໄປເອງວ່າ ຮູບປັ້ນເປັນສັນຍາລັກຂອງພຣະພຸດທະເຈົ້າ
ดูก่อนภิกษุ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธะก็อย่างนั้นเหมือนกันเป็นผู้ทรงธรรม เป็นพระธรรมราชา ทรงอาศัยธรรมเท่านั้น ทรงสักการะ ... เคารพ ... นบนอบธรรม มีธรรมเป็นธง มีธรรมเป็นตรา มีธรรมเป็นอธิปไตย จัดการรักษาป้องกันคุ้มครองที่เป็นธรรมในกายกรรม ...
ຈີວອນຂອງຜູ້ມີພຣະຄຸນກໍເປັນສັນຍາລັກໄດ້ ເຊັ່ນ ເຫັນຜ້າບັງສະກຸນ ຈີວອນຂອງພຣະປັດເຈກພຸດທະເຈົ້າ ແລ້ວມີຈິດເລື່ອມໃສວ່າຜ້ານີ້ເປັນທຸງໄຊຂອງພຣະອໍຣະຫັນ ແລ້ວບູຊາດ້ວຍດອກໄມ້ ໄດ້ໄປເກີດຢູ່ສະຫວັນຊັ້ນດາວະດິງ
ເພາະຮູບພຣະອົງປັ້ນບໍ່ໄດ້ ພຣະພຸດທະເຈົ້າກໍຕັດຫ້າມໄວ້ວ່າ ປັ້ນບໍ່ໄດ້ ບໍ່ມີຮູບປຽບ
[๑๔๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เอก เมื่อเกิดขึ้นในโลกย่อมเกิดขึ้นเป็นผู้ไม่เป็นที่สองใคร ไม่มีใครเช่นกับพระองค์ ไม่มีใครเปรียบ ไม่มีใครเปรียบเสมอ ไม่มีส่วนเปรียบ ไม่มีบุคคลเปรียบ ไม่มีใครเสมอ เสมอด้วยพระพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเสมอ เป็นผู้เลิศกว่าคนทั้งหลาย บุคคลผู้เอกเป็นไฉน คือ พระตถาคตอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลผู้เอกนี้แล เมื่อเกิดขึ้นในโลกย่อมเกิดขึ้นเป็นผู้ไม่เป็นที่สองใคร ไม่มีใครเช่นกับพระองค์ ไม่มีใครเปรียบไม่มีใครเปรียบเสมอ ไม่มีส่วนเปรียบ ไม่มีบุคคลเปรียบ ไม่มีใครเสมอเสมอด้วยพระพุทธเจ้าผู้ไม่มีใครเสมอ เป็นผู้เลิศกว่าสัตว์สองเท้าทั้งหลาย
ປະຕິໂມ (ປະຕິມາກຳ) ແມ່ນການປັ້ນ ຫຼື ການສ້າງຮູບຊົງ ອະປະຕິໂມ ແມ່ນສິ່ງທີ່ກົງກັນຂ້າມ ຄື ປັ້ນບໍ່ໄດ້
บทว่า อปฺปฎิโม (ไม่มีผู้เปรียบ) ความว่า อัตภาพเรียกว่ารูปเปรียบ ชื่อว่าไม่มีผู้เปรียบ เพราะรูปเปรียบอื่นเช่นกับอัตภาพของท่านไม่มี อีกอย่างหนึ่ง มนุษย์ทั้งหลายกระทำรูปเปรียบใดล้วนแล้วด้วยทองและเงินเป็นต้น ในบรรดารูปเปรียบเหล่านั้น ชื่อว่าผู้สามารถกระทำโอกาสแม้สักเท่าปลายขนทรายให้เหมือนอัตภาพของพระตถาคต ย่อมไม่มี เพราะเหตุนั้น จึงชื่อว่าไม่มีผู้เปรียบแม้โดยประการทั้งปวง บทว่า อปฺปฎิสโม (ไม่มีผู้เทียบ) ความว่า ชื่อว่าไม่มีผู้เทียบ เพราะใคร ๆ ชื่อว่าผู้จะเทียบกับอัตภาพของพระตถาคตนั้นไม่มี
ສິນລະປິນທັງປວງຫຼືຜູ້ມີຣິດໃນໂລກ ບໍ່ສາມາດສ້າງຮູບປຽບພຣະພຸດທະເຈົ້າໄດ້
...อัตตภาพของพระมหาบุรุษสะสมไว้ด้วยทานจิต บุญจิต ตระเตรียมไว้ด้วยบารมี ๑๐ ด้วยประการฉะนี้ ศิลปินทั้งปวงหรือผู้มีฤทธิ์ทั้งปวงในโลก ไม่สามารถสร้างรูปเปรียบได้...
ບໍ່ມີໃຜວັດຂະໜາດພຣະຕະຖາຄົດໄດ້ ພຣະຕະຖາຄົດນັບຄຳນວນບໍ່ໄດ້ ປະມານບໍ່ໄດ້ ບໍ່ສາມາດປັ້ນຫຼືແຕ້ມໃຫ້ເປັນຮູບລັກສະນະຕ່າງໆໄດ້
ເມື່ອຕັດຫ້າມໄວ້ແລ້ວວ່າ ປັ້ນບໍ່ໄດ້ ແຕ່ກໍຍັງປັ້ນ ກໍເປັນການລະເມີດສິ່ງທີ່ພຣະພຸດທະເຈົ້າຕັດໄວ້ ເມື່ອລະເມີດ ຍ່ອມປະສົບບາບເປັນອັນມາກ ເພາະລະເມີດສິ່ງທີ່ຜູ້ມີພຣະຄຸນສູງສຸດຕັດໄວ້
...[๑๓๒] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่แสดงธรรมว่า อธรรมฯลฯ ที่แสดงสิ่งที่มิใช่วินัยว่า วินัย ฯลฯ ที่แสดงวินัยว่า มิใช่วินัย ฯลฯ ที่แสดงคำพูดอันตถาคตมิได้ภาษิตไว้ มิได้กล่าวไว้ว่าตถาคตภาษิตไว้กล่าวไว้ ฯลฯ ที่แสดงคำพูดอันตถาคตได้ภาษิตไว้ กล่าวไว้ว่า ตถาคตมิได้ภาษิตไว้ มิได้กล่าวไว้ ฯลฯ ที่แสดงกรรมอันตถาคตมิได้สั่งสมว่าตถาคตสั่งสม ฯลฯ ที่แสดงกรรมอันตถาคตได้สั่งสมไว้ว่า ตถาคตมิได้สั่งสมไว้ ฯลฯ ที่แสดงสิ่งอันตถาคตบัญญัติไว้ว่า ตถาคตมิได้บัญญัติไว้ ภิกษุเหล่านั้นชื่อว่า เป็นผู้ปฏิบัติเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ไม่เป็นความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่ออนัตถะเพื่อมิใช่ประโยชน์กื้อกูล ชนเป็นอันมาก เพื่อทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ทั้งย่อมประสบบาปใช่บุญเป็นอันมาก และย่อมยังสัทธรรมนี้ให้อันตรธาน...
ເປັນບາບຫຼາຍ ເພາະເຮັດໃຫ້ສັດທັມນີ້ອັນຕະລະທານອີກດ້ວຍ ຊັກຊວນຜູ້ອື່ນທັງຫຼາຍໃຫ້ເຂົ້າໃນທັມທີ່ກ່າວໄວ້ຊົ່ວອີກດ້ວຍ
...[๑๙๕] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ผู้ที่ชักชวนเข้าในธรรมวินัยที่กล่าวไว้ชั่ว ๑ ผู้ที่ถูกชักชวนแล้วปฏิบัติเพื่อความเป็นอย่างนั้น ๑ คนทั้งหมดนั้น ย่อมประสบกรรมมิใช่บุญเป็นอันมาก ข้อนั้นเพราะเหตุไร เพราะธรรมท่านกล่าวไว้ชั่ว...
ຊັກຊວນຄົນໃຫ້ເຂົ້າໃນທັມວິໄນທີ່ກ່າວໄວ້ຊົ່ວຫຼາຍເທົ່າໃດ ບາບຫຼາຍເທົ່ານັ້ນ
ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จลงจากภูเขาคิชฌกูฏพร้อมด้วยภิกษุเป็นอันมาก ทอดพระเนตรเห็นกุฎีนั้นงดงามน่าดูน่าชมมีสีแดง ครั้งแล้วจึงตรัสถามภิกษุทั้งหลายว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย นั่นอะไร งดงาม น่าดูน่าชม มีสีแดงเหมือนแมลงค่อมทอง ครั้นภิกษุเหล่านั้นกราบทูลให้ทรงทราบแล้ว พระพุทธองค์ทรงติเตียนว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย การกระทำของโมฆบุรุษนั้น ไม่เหมาะ ไม่สม ไม่ควร มิใช่กิจของสมณะ ใช้ไม่ได้ ไม่ควรทำ ไฉนโมฆบุรุษนั้นจึงได้ขยำโคลนทำกุฎีสำเร็จด้วยดินล้วน ด้วยตนเองเล่า ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความเอ็นดู ความอนุเคราะห์ ความไม่เบียดเบียนหมู่สัตว์มิได้มีแก่โมฆบุรุษนั้นเลย พวกเธอจงไปทำลายกุฎีนั้น พวกเพื่อนพรหมจารีชั้นหลัง อย่าถึงความเบียดเบียนหมู่สัตว์เลย อันภิกษุไม่ควรทำกุฎีที่สำเร็จด้วยดินล้วน ภิกษุใดทำ ต้องอาบัติทุกกฎ ภิกษุเหล่านั้นรับพระพุทธาณัติแล้ว พากันไปที่กุฎีนั้น ครั้นถึงแล้วได้ทำลายกุฎีนั้นเสีย ท่านพระธนิยะ กุมภการบุตร จึงถามภิกษุเหล่านั้นว่าอาวุโส พวกท่านทำลายกุฎีของผม เพื่ออะไร ภิ. พระผู้มีพระภาคเจ้ารับสั่งให้ทำลาย ขอรับ ธ. ทำลายเถิด ขอรับ ถ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าผู้ธรรมสามีรับสั่งให้ทำลาย
ພຣະພຸດທະເຈົ້າຫ້າມປັ້ນຮູບພຣະອົງ ຖ້າໃນຄັ້ງນັ້ນມີພິກຂຸບັງອາດປັ້ນ ເຊື່ອວ່າ ພຣະອົງກໍຕ້ອງສັ່ງທຳລາຍແນ່ນອນ ແຕ່ກໍບໍ່ມີຫຼັກຖານໃນພຣະໄຕປິດົກວ່າ ມີໃຜບັງອາດປັ້ນໃນຄັ້ງພຸດທະການ ບໍ່ຄືໃນປັດຈຸບັນນີ້ ທີ່ພາກັນປັ້ນຕະພຶດຕະພື
ການທີ່ໄປຍົກເອົາ ພຣະທາດເຈດີ ປະຣິໂພກເຈດີ ແລະ ອຸດເທສິກະເຈດີ ມາອະທິບາຍໃສ່ເລື່ອງຮູບປັ້ນນັ້ນ ເປັນຄວາມເຂົ້າໃຈຜິດຢ່າງຫຼວງຫຼາຍ ເພາະໄປຄິດແບບຜິວເຜີນວ່າເປັນວັດຖຸຄືກັນກໍເລີຍຄິດວ່າຈະຄືກັນ ທີ່ຈິງບໍ່ແມ່ນ
ພຣະພຸດທະເຈົ້າຕັດໄວ້ວ່າ ເຈດີມີ 3 ຢ່າງ ໃນນັ້ນ ບໍ່ມີຮູບປັ້ນເຈດີ
...พระอานนทเถระรับว่า ดีละ แล้วทูลถามพระตถาคตว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เจดีย์มีกี่อย่าง พระศาสดาตรัสตอบว่า มีสามอย่างอานนท์ พระอานนทเถระทูลถามว่า สามอย่างอะไรบ้างพระเจ้าข้า พระศาสดาตรัสว่า ธาตุเจดีย์ ๑ ปริโภคเจดีย์ ๑ อุทเทสิกเจดีย์ ๑. พระอานนทเถระทูลว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อพระองค์เสด็จจาริกไป ข้าพระองค์อาจกระทำเจดีย์ได้หรือ พระศาสดาตรัสว่า อานนท์ สำหรับธาตุเจดีย์ไม่อาจทำได้ เพราะธาตุเจดีย์นั้น จะมีได้ในกาลที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว สำหรับอุทเทสิกเจดีย์ ก็ไม่มีวัตถุปรากฏ เป็นเพียงเนื่องด้วยตถาคตเท่านั้น...
ອຸເທດ (อุทฺเทส) ຄື ການຍົກຂຶ້ນສະແດງ ເຈດີ ຄື ທີ່ຄວນເຄົາລົບບູຊາ ອຸດເທສິກະເຈດີ ຄື ການຍົກເອົາພຣະທັມທີ່ພຣະພຸດດທະເຈົ້າຕັດໄວ້ຂຶ້ນສະແດງ ອັນດຽວກັນກັບທັມເຈດີ ແຕ່ຕ້ອງຍົກຂຶ້ນສະແດງ ຖ້າທັມມີຢູ່ ຮູ້ທັມຢູ່ ແຕ່ບໍ່ຍົກຂຶ້ນສະແດງ ອັນນີ້ ບໍ່ເອີ້ນວ່າ ອຸດເທສິກະເຈດີ ພຣະພຸດທະເຈົ້າຕັດໄວ້ຊັດເຈນວ່າ "ສຳລັບອຸດເທສິກະເຈດີ ກໍບໍ່ມີວັດຖຸປາກົດ ເປັນພຽງເນື່ອງດ້ວຍຕະຖາຄົດເທົ່ານັ້ນ" ແຕ່ກໍຍັງໄປພາກັນໃຫ້ຄວາມໝາຍອຸດເທສິກະເຈດີວ່າ ຄືການສ້າງຮູບປັ້ນອຸທິດພຣະພຸດທະເຈົ້າ ມັນຊິເປັນການສ້າງຮູບປັ້ນໄດ້ແນວໃດ ເພາະຮູບປັ້ນ ກໍຄືວັດຖຸ ແລະພຣະພຸດທະເຈົ້າກໍຕັດໄວ້ວ່າ ບໍ່ມີວັດຖຸປາກົດ
...พระอานนทเถระรับว่า ดีละ แล้วทูลถามพระตถาคตว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เจดีย์มีกี่อย่าง พระศาสดาตรัสตอบว่า มีสามอย่างอานนท์ พระอานนทเถระทูลถามว่า สามอย่างอะไรบ้างพระเจ้าข้า พระศาสดาตรัสว่า ธาตุเจดีย์ ๑ ปริโภคเจดีย์ ๑ อุทเทสิกเจดีย์ ๑. พระอานนทเถระทูลว่าข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ เมื่อพระองค์เสด็จจาริกไป ข้าพระองค์อาจกระทำเจดีย์ได้หรือ พระศาสดาตรัสว่า อานนท์ สำหรับธาตุเจดีย์ไม่อาจทำได้ เพราะธาตุเจดีย์นั้น จะมีได้ในกาลที่พระพุทธเจ้าปรินิพพานแล้ว สำหรับอุทเทสิกเจดีย์ ก็ไม่มีวัตถุปรากฏ เป็นเพียงเนื่องด้วยตถาคตเท่านั้น...
ໃນພຸດທານຸສະຕິ ພຣະພຸດທະເຈົ້າບໍ່ໄດ້ບອກເລີຍວ່າໃຫ້ໄປຂາບຮູບປັ້ນກ່ອນລະນຶກເຖິງພຣະພຸດທະເຈົ້າ
...[๒๘๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนุสติฐานะ ที่ตั้งแห่งความระลึก ๖ นี้ อนุสติฐานะ ๖ เป็นไฉน ? คือ พุทธานุสติ ระลึกถึงพระพุทธเจ้า ๑ ธัมมานุสติ ระลึกถึงพระธรรม ๑ สังฆานุสติ ระลึกถึงพระสงฆ์ ๑ สีลานุสติ ระลึกถึงศีลที่ตนรักษา ๑ จาคานุสติ ระลึกถึงการบริจาคของตน ๑ เทวตานุสติ ระลึกถึงเทวดา และธรรมที่ทำให้เป็นเทวดา ๑ นี้แล ภิกษุทั้งหลาย
ແມ້ແຕ່ໃນອັດຖະກະຖາກໍບໍ່ມີ
ພຣະພຸດທະເຈົ້າເປັນນາມ ບໍ່ແມ່ນວັດຖຸ ເມື່ອລະນຶກເຖິງພຣະພຸດທະເຈົ້າ ຕ້ອງລະນຶກເຖິງສ່ວນທີ່ເປັນນາມ ແລະການລະນຶກເຖິງພຣະພຸດທະເຈົ້າ ບໍ່ມີການອາໄສຮູບປັ້ນເປັນປັດໄຈ ຖ້າອາໄສຮູບປັ້ນເປັນປັດໄຈ ຄັນຊັ້ນ ເຈົ້າກະຕ້ອງໄດ້ຖືຮູບປັ້ນຕິດຕົວໄປທຸກບ່ອນ ຖ້າບໍ່ມີຮູບປັ້ນ ກໍລະນຶກເຖິງພຣະພຸດທະເຈົ້າບໍ່ໄດ້ ບໍ່ສົມເຫດຜົນ
ເລື່ອງເຈດີຊາຍມີຫຼາຍເລື່ອງໃນພຣະໄຕປິດົກ ເຊັ່ນ ເລື່ອງທ່ານພຣະສິຣິມາເຖຣະ ເລື່ອງທ່ານພຣະປຸລິນທຸປິຍະເຖຣະ ບາງຄົນຍົກເອົາເລື່ອງນີ້ມາອ້າງໃສ່ເລື່ອງສ້າງຮູບປັ້ນ ເພາະຄິດວ່າເປັນວັດຖຸຄືກັນ ກໍເລີຍຄິດແບບງ່າຍໆວ່າຄືກັນ ແຕ່ທີ່ຈິງແລ້ວບໍ່ຄືກັນເລີຍ ຄົນລະຢ່າງເລີຍ ດັ່ງນີ້ ...
ການທີ່ໄປອ້າງວ່າ ພຣະອົງນັ້ນ ພຣະອົງນີ້ພາເຮັດ ແລ້ວເຮົາຕ້ອງເຮັດຕາມທຸກຢ່າງ ແບບນີ້ບໍ່ຖືກຫຼັກການ ບໍ່ຄວນໄປຕັ້ງຄວາມຄິດໄວ້ແບບນັ້ນ ເພາະມັນຂັດກັບຫຼັກທັມທີ່ວ່າ
ย. อาจิณณกัปปะ ควรหรือไม่ ขอรับ ร. อาจิณณกัปปะนั้น คืออะไร ขอรับ ย. คือการประพฤติวัตรด้วยเข้าใจว่า นี้พระอุปัชฌาย์ของเราเคยประพฤติมา นี้พระอาจารย์ของเราเคยประพฤติมา ควรหรือไม่ ขอรับ ร. อาจิณณกัปปะ บางอย่างควร บางอย่างไม่ควร ขอรับ
ແມ້ແຕ່ເປັນພຣະອໍຣະຫັນແລ້ວກໍຕາມ ຖ້າສຶກສາມາໜ້ອຍ ກໍຍ່ອມເຮັດໃຫ້ຜູ້ທີ່ກ່ຽວຂ້ອງບາບຫຼາຍ ເພາະປະຕິບັດຜິດຕໍ່ພຣະ ຢ່າລືມວ່າ ສັດທັງຫຼາຍຄົບກັນດ້ວຍທາດ ຄົບກັນດ້ວຍຂັນ ເຮົາຄົບກັບຂັນຂອງພຣະອໍຣະຫັນໄດ້ ແຕ່ບໍ່ສາມາດຄົບກັບຄວາມເປັນພຣະອໍຣະຫັນຂອງເພິ່ນໄດ້ ດັ່ງນັ້ນ ຖ້າຂັນຂອງພຣະອໍຣະຫັນທຳຜິດ ເຖິງແມ່ນວ່າ ຈະບໍ່ມີກັມສົ່ງຜົນຕໍ່ພຣະອໍຣະຫັນໃນຊາດຕໍ່ໄປກໍຕາມ ແຕ່ກໍເຮັດໃຫ້ຜູ້ທີ່ກ່ຽວຂ້ອງບາບຫຼາຍ ຖ້າປະຕິບັດຜິດ
พระขีณาสพที่ฟังมาน้อย ย่อมไม่ต้องอาบัติที่เป็นโลกวัชชะ ก็จริงอยู่ แต่เพราะไม่ฉลาดในพุทธบัญญัติ ก็ย่อมจะต้องอาบัติในกายทวาร ประเภททำวิหาร ทำกุฏิ ( คลาดเคลื่อนไปจากพุทธบัญญัติ ) อยู่ร่วมเรือน นอนร่วมกัน ( กับอนุปสัมบัน เป็นต้น ) ย่อมต้องอาบัติในวจีทวารประเภทชักสื่อ กล่าวธรรมโดยบท พูดเกินกว่า ๕-๖ คำ บอกอาบัติที่เป็นจริง ( เป็นต้น ) ย่อมต้องอาบัติเพราะรับเงินรับทอง ในทางมโนทวารด้วยอำนาจยินดีเงินทองที่เขาเก็บไว้เพื่อตน
ເພາະມີໂທດ ນອກຈາກຈະເປັນບາບຫຼາຍແລ້ວ ເພາະໄປເຮັດສິ່ງທີ່ພຣະພຸດທະເຈົ້າຕັດຫ້າມໄວ້ ດັ່ງທີ່ໄດ້ກ່າວໄວ້ໃນຫົວຂໍ້ ເປັນຫຍັງຈຶ່ງປັ້ນຮູບພຣະພຸດທະເຈົ້າບໍ່ໄດ້ ? ໃນພຣະໄຕປິດົກຍັງມີເລື່ອງຕົວຢ່າງໃຫ້ທຽບຄຽງ ດັ່ງເລື່ອງທ່ານລະກຸນຕະກະພັດທິຍະເກີດມາເຕ້ຍ ເພາະໄປທຳປະມານຂອງພຣະກັດສະປະສຳມາສຳພຸດທະເຈົ້າ ຜູ້ຫາປະມານບໍ່ໄດ້
...พระเถระนี้เป็นหัวหน้าช่าง พูดขึ้นว่า มาเถิดท่านผู้เจริญทั้งหลาย ควรจะทำให้ปฏิบัติได้สะดวกในอนาคต ดังนี้แล้ว จึงเอาเชือกวงแล้วหยุดอยู่ในที่สุดคาวุตหนึ่ง จึงกล่าวว่า ค้านหนึ่งๆ ได้คาวุตหนึ่ง ๆ จักเป็นเจดีย์กลมโยชน์หนึ่ง สูงโยชน์หนึ่ง ชนเหล่านั้นก็เชื่อถือถ้อยคำของหัวหน้าช่างนั้น ๆ ได้กระทำขนาดประมาณแห่งพระพุทธเจ้าผู้หาประมาณมิได้ ด้วยประการดังนี้แล ก็ด้วยกรรมนั้น หัวหน้าช่างนั้น จึงเป็นผู้มีขนาดต่ำกว่า อื่น ๆ ในที่ที่เกิดแล้ว ๆ
ບໍ່ມີໃຜວັດຂະໜາດພຣະຕະຖາຄົດໄດ້ ພຣະຕະຖາຄົດນັບຄຳນວນບໍ່ໄດ້ ປະມານບໍ່ໄດ້ ບໍ່ສາມາດປັ້ນຫຼືແຕ້ມໃຫ້ເປັນຮູບລັກສະນະຕ່າງໆໄດ້
ຂະໜາດໄປທຳປະມານໃນເຈດີໃສ່ພຣະທາດຂອງພຣະພຸດທະເຈົ້າຍັງໄດ້ຜົນກັມແບບນີ້ ແລ້ວທີ່ໄປສ້າງຮູບປຽບເພິ່ນໃຫ້ເປັນຕົວຂຶ້ນມາເລີຍ ໃຫ້ເປັນຕົວແທນ ໃຫ້ເປັນສັນຍາລັກຂອງພຣະພຸດທະເຈົ້າ ເຮັດໃຫ້ເປັນຮູບລັກສະນະຕ່າງໆ ເຊັ່ນ ເຮັດໃຫ້ເປັນຫົວແຫຼມ ຫຼື ບາງຄົນແຕ້ມຮູບໃຫ້ຫົວໂຫຼ້ນໄປເລີຍກໍມີ ແບບນີ້ ຊິມີຜົນກັມແນວໃດ ? ພາໃຫ້ຄົນສ້າງຫຼາຍເທົ່າໃດ ຜູ້ພາສ້າງຍິ່ງໄດ້ຜົນກັມຫຼາຍເທົ່ານັ້ນ ຍັງບໍ່ລວມຜົນກັມອື່ນໆອີກ .
ນອກຈາກນີ້ແລ້ວ ຍັງມີຫຼາຍເລື່ອງ ເວົ້າເຖິງເລື່ອງການຕາຍຄາຄວາມອາໄລໃນສິ່ງໃດ ກໍຈະໄດ້ໄປເກີດຢູ່ກັບສິ່ງນັ້ນ ເຊັ່ນ ເລື່ອງນີ້
ໄປເວົ້າວ່າຮູບປັ້ນ ຄື ພຣະພຸດທະຮູບ ຫຼື ພຣະພຸດທະເຈົ້າ ໄປເວົ້າວ່າພຣະຮັບເງິນບໍ່ຜິດ ເປັນການກ່າວຕູ່ພຣະພຸດທະເຈົ້າ
ຄົນສະໄໝນີ້ໜ້າເປັນຫ່ວງ ປະຕິຍານຕົນວ່າ ຖືພຣະພຸດພຣະທັມພຣະສົງເປັນທີ່ເພິ່ງ ແຕ່ຂີ້ຕົວະ ໄປຖືຢ່າງອື່ນແທນ
ພຣະພຸດທະເຈົ້າສະແດງອະນັດຕະລັກຂະນະສູດຄັ້ງທຳອິດແກ່ປັນຈະວັກຄີກໍປະຕິເສດຮູບແລ້ວ ດັ່ງນັ້ນ ການສ້າງຮູບປັ້ນຈຶ່ງບໍ່ແມ່ນຄຳສອນຂອງພຣະພຸດທະເຈົ້າ
ຕາຍຄາຄວາມອາໄລໃນວັດຖຸ ເຊັ່ນ ຮູບປັ້ນ ຈະໄດ້ໄປເກີດເປັນສັດເດຍລະສານຢູ່ກັບວັດຖຸນັ້ນ
ຊັບແລະຣັດຕະນະສະເໝີດ້ວຍພຣະຕະຖາຄົດບໍ່ມີ ທີ່ເພິ່ງຂອງແທ້ ດັ່ງພຣະພຸດພຣະທັມພຣະສົງ ຈະຊື້ຂາຍບໍ່ໄດ້ ຕ່າງຈາກວັດຖຸຮູບປັ້ນທີ່ຊື້ຂາຍໄດ້
ມານເຮັດໃຫ້ຄົນຫຼົງກັບວັດຖຸຮູບປັ້ນ ເພື່ອທີ່ຄົນເຫຼົ່ານັ້ນຈະໄດ້ຕົກເປັນເຫຍື່ອຂອງມານ
ຫຼັກຖານໃນພຣະໄຕປິດົກທີ່ມາສະໜັບສະໜຸນວ່າ ພຣະພຸດທະເຈົ້າບໍ່ໄດ້ສອນໃຫ້ສ້າງຮູບປຽບນັ້ນມີຫຼາຍ ສ່ວນທີ່ໃຫ້ສ້າງນັ້ນບໍ່ມີ
ພຣະຈັກກະພັດທຽບສາມະເນນອົງໜຶ່ງຍັງບໍ່ໄດ້ເລີຍ ແຕ່ພາກັນໄປຂາບໄຫວ້ຮູບປັ້ນພຣະຈັກກະພັດ
ຫຼັກທັມຂໍ້ນີ້ຄົນສ່ວນຫຼາຍເຂົ້າໃຈໄດ້ຍາກຫຼາຍ (ເອກະປຸກຄົນວັກທີ ໑໓)
ເອົານ້ຳໄປຖວາຍຫິ້ງພຣະເປັນການກະທຳສິ່ງທີ່ໄຮ້ຜົນ ໃນທັກສິນາວິພັງຄະສູດ ບໍ່ມີບອກໄວ້ວ່າໃຫ້ທານໃນສິ່ງທີ່ບໍ່ມີຊີວິດ
ເພາະເປັນບາບ...
ໃຜທີ່ມີຜູ້ຕິດຕາມຫຼາຍ ແຕ່ສອນຄົນຜິດ ເຊັ່ນ ບອກໃຫ້ຄົນສ້າງຮູບປຽບພຣະພຸດທະເຈົ້າ (ຮູບປັ້ນ) ຮັບເງິນທອງ ຍິນດີເງິນທອງ ແລ້ວບອກວ່າບໍ່ຜິດ ເຫຼົ່ານີ້ເປັນຕົ້ນ ຊື່ວ່າ ສ້າງຄວາມຈິບຫາຍເປັນອັນມາກ
[๒๘๖] ๔๐. ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่ห้ามอรรถและธรรมโดยสูตรซึ่งตนเรียนไว้ไม่ดี ด้วยพยัญชนะปฏิรูปนั้น ชื่อว่าปฏิบัติแล้วเพื่อมิใช่ประโยชน์ของชนมาก เพื่อมิใช่สุขของชนมาก เพื่อความฉิบหายเพื่อมิใช่ประโยชน์แก่ชนเป็นอันมาก เพื่อทุกข์แก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุนั้นยังจะประสบบาปเป็นอันมาก และทั้งชื่อว่าทำสัทธรรมนี้ให้อันตรธานไปอีกด้วย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุพวกที่อนุโลมอรรถและธรรม โดยสูตรซึ่งตนเรียนไว้ดี ด้วยพยัญชนะปฏิรูปนั้นชื่อว่าปฏิบัติแล้วเพื่อประโยชน์ของชนมาก เพื่อความสุขของชนมาก เพื่อประโยชน์ เพื่อเกื้อกูลแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความสุขแก่เทวดาและมนุษย์ทั้งหลาย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อนึ่ง ภิกษุพวกนั้นประสบบุญเป็นอันมาก ทั้งชื่อว่าดำรงสัทธรรมนี้ไว้อีกด้วย
ความว่า ย่อมค้านทั้งอรรถกถาและบาลี แห่งสุตตันตะทั้งหลายที่ถือมาถูก ภิกษุเหล่านั้นแสดงทั้งอรรถทั้งบาลีของสุตตันตะที่ถือมาผิด ยิ่งยวดกว่า
ພຣະພຸດທະເຈົ້າຕັດໄວ້ວ່າ ບຸກຄົນທີ່ເກີດມາເພື່ອຄວາມຈິບຫາຍ ບໍ່ເປັນປະໂຫຍດ ບໍ່ເປັນສຸກແກ່ຊົນເປັນອັນມາກ ເພື່ອຄວາມທຸກແກ່ເທບພະຍາດາແລະມະນຸດທັງຫຼາຍ ຄື ບຸກຄົນທີ່ເຫັນຜິດ ມີຄວາມເຫັນວິປະຣິດ ເຂົາເຮັດໃຫ້ຄົນເປັນອັນມາກອອກຈາກສັດທັມແລ້ວ ໃຫ້ຕັ້ງຢູ່ໃນອະສັດທັມ
[๑๙๑] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลคนเดียว เมื่อเกิดขึ้นในโลกย่อมเกิดขึ้นเพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ไม่เป็นความสุขแก่ชนเป็นอันมากเพื่อความฉิบหาย มิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความทุกข์แก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย บุคคลคนเดียวคือใคร คือบุคคลผู้เป็นมิจฉาทิฏฐิ มีความเห็นวิปริต เขาทำให้คนเป็นอันมากออกจากสัทธรรมแล้ว ให้ตั้งอยู่ในอสัทธรรม ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย บุคคลคนเดียวนี้แล เมื่อเกิดขึ้นในโลก ย่อมเกิดขึ้น เพื่อไม่เป็นประโยชน์เกื้อกูล ไม่เป็นความสุขแก่ชนเป็นอันมาก เพื่อความฉิบหาย มิใช่ประโยชน์เกื้อกูล เพื่อความทุกข์แก่เทพยดาและมนุษย์ทั้งหลาย
ບຸກຄົນຜູ້ທີ່ເຫັນຜິດນັ້ນ ຍ່ອມຊັກຊວນຄົນອື່ນໃຫ້ເຂົ້າໃນທັມວິໄນທີ່ກ່າວໄວ້ຊົ່ວ ຄື ຊັກຊວນ ບອກ ສັ່ງ ແນະນຳ ໃຫ້ເຮັດສິ່ງທີ່ຊົ່ວ ຍ່ອມປະສົບບາບກັມບໍ່ແມ່ນບຸນເປັນອັນມາກ
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอเมื่อบำเพ็ญประโยชน์ตนและประโยชน์ผู้อื่น จงแยกกันไปเที่ยวธรรมจาริกแก่มนุษย์ทั้งหลายตลอดแผ่นดินผืนนี้ เมื่อประกาศสัทธรรมของเราแก่โลกเนืองนิตย์ ก็จงอยู่เสียที่ป่าเขาอันสงัด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พวกเธอเมื่อทำหน้าที่พระธรรมทูต ก็จงปฏิบัติด้วยดีซึ่งคำของเรา สั่งสอนเขาเพื่อประโยชน์แก่สันติของสัตว์ทั้งหลาย พวกเธอไม่มีอาสวะ จงช่วยปิดประตูอบายทั้งสิ้นเสียทุกประตู จงช่วยเปิดประตูสวรรค์ มรรค และผล พวกเธอ จงมีคุณมีกรุณาเป็นต้น เป็นที่อยู่อาศัย เพิ่มพูนความรู้และความเชื่อแก่ชาวโลกทุกประการด้วยการเทศนาและการปฏิบัติ เมื่อพวกคฤหัสถ์ ทำการอุปการะด้วยอามิสทานเป็นนิตย์ พวกเธอ ก็จงตอบแทนพวกเขาด้วยธรรมทานเถิด พวกเธอเมื่อจะแสดงธงชัยของพระฤษีผู้แสวงคุณ ก็จงยกย่องพระสัทธรรม เมื่อการงานที่พึงทำ ทำเสร็จแล้ว ก็จงบำเพ็ญประโยชน์ผู้อื่นเถิด