#ແນວຄິດທີ່ບໍ່ເອົາອັດຖະກະຖາເລີຍ ເປັນການປະຕິບັດທີ່ຜິດ
ຂຶ້ນຊື່ວ່າ ອັດຖະກະຖາ ບໍ່ໃຫ້ເອົາເລີຍ ແບບນີ້ກໍເປັນການບໍ່ໃຊ້ປັນຍາພິຈາລະນາ ພຣະພຸດທະເຈົ້າຕັດວ່າ ເປັນອະສັດບຸລຸດຜູ້ເຂົາ ບໍ່ສຽບແຫຼມ ຍ່ອມບໍລິຫານຕົນໃຫ້ຖືກກຳຈັດ ໃຫ້ຖືກທຳລາຍ ເຂົາຍ່ອມໄປກັບດ້ວຍໂທດ ຖືກຜູ້ຮູ້ຕິຕຽນ ທັງໄດ້ປະສົບບາບເປັນອັນມາກອີດ້ວຍ.
...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อสัตบุรุษผู้เขลา ไม่เฉียบแหลม ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการ ย่อมบริหารตนให้ถูกกำจัด ให้ถูกทำลาย เขาย่อมเป็นไปกับด้วยโทษ ถูกผู้รู้ติเตียน ทั้งได้ประสบบาปเป็นอันมากอีกด้วย ธรรม ๒ ประการเป็นไฉน คือ ไม่พิจารณาไตร่ตรองแล้ว เกิดเลื่อมใสในฐานะอันไม่เป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส ๑ ไม่พิจารณาไตร่ตรองแล้ว เกิดไม่เลื่อมใสในฐานะอันเป็นที่ตั้งแห่งความเลื่อมใส ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลา อสัตบุรุษผู้เขลา ไม่เฉียบแหลม ประกอบด้วยธรรม ๒ ประการนี้แล ย่อมบริหารคนให้ถูกกำจัด ถูกทำลาย เขาย่อมเป็นไปกับด้วยโทษ ถูกผู้รู้ติเตียน ทั้งได้ประสบบาปเป็นอันมากอีกด้วย...
ແລະຍັງປະກອບດ້ວຍຄວາມລຳອຽງ 4 ນຳ ຜູ້ທີ່ລ່ວງຄວາມລຳອຽງ 4 ຍ່ອມໄປນະຣົກ
...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย พระภัตตุทเทสก์ ประกอบด้วยธรรมประการ ย่อมอุบัติในนรก เหมือนเขานำตัวไปขังไว้ฉะนั้น ธรรม ๔ ประการคืออะไร คือ ลำเอียงเพราะชอบกัน ลำเอียงเพราะชังกัน ลำเอียงเพราะเขลาลำเอียงเพราะกลัว พระภัตตุทเทสก์ประกอบด้วยธรรม ๔ ประการนี้แล ย่อมอุบัติในนรก เหมือนเขานำตัวไปขังไว้ฉะนั้น...
ພຣະພຸດທະເຈົ້າຕັດໄວ້ວ່າ ຖ້າບໍ່ມີການພິຈາລະນາເນື້ອຄວາມ ...ເປັນຜູ້ປະຕິບັດຜິດ ເປັນໂມຄະບຸລຸດ ຫຼີກໄປຈາກທຳວິໄນນີ້ໄກພຽງໃດ
...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ศรัทธาก็ดี การเข้าไปใกล้ก็ดี การนั่งใกล้ก็ดี การเงี่ยโสตลงก็ดี การฟังธรรมก็ดี การทรงจำธรรมก็ดี การพิจารณาเนื้อความก็ดี ธรรมอันได้ซึ่งความพินิจก็ดี ฉันทะก็ดี อุตสาหะก็ดี การไตร่ตรองก็ดี การตั้งความเพียรก็ดี นั้น ๆ ไม่ได้มีแล้ว เธอทั้งหลายย่อมเป็นผู้ปฏิบัติพลาด ย่อมเป็นผู้ปฏิบัติผิด ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โมฆบุรุษเหล่านี้ได้หลีกไปจากธรรมวินัยนี้ ไกลเพียงไร...
[๒๗๘] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย โมฆบุรุษ บางพวกในพระธรรมวินัยนี้ ย่อมเล่าเรียนธรรม คือ สุตตะ เคยยะ เวยยากรณะ คาถา อุทานอิติวุตตกะ ชาดก อัพภูตธรรม เวทัลละ โมฆบุรุษเหล่านั้น เล่าเรียนธรรมนั้นแล้ว ย่อมไม่ไตร่ตรองเนื้อความแห่งธรรมเหล่านั้นด้วยปัญญา ธรรมเหล่านั้น ย่อมไม่ควรซึ่งการเพ่งแห่งโมฆบุรุษเหล่านั้น ผู้ไม่ไตร่ตรองเนื้อความด้วยปัญญา...
ໃຫ້ພິຈາລະນາເນື້ອຄວາມເປັນຫຼັກ ບໍ່ຍຶດເບິ່ງຕາມຕົວພະຍັນຊະນະຈົນເກີນໄປ ເພາະເນື້ອຄວາມເປັນທີ່ເພິ່ງໄດ້ ພະຍັນຊະນະບໍ່ໄດ້ ແນວຄິດທີ່ວ່າບໍ່ເອົາອັດຖະກະຖາເລີຍຈະເຮັດໃຫ້ຄົນບໍ່ໃຊ້ຄວາມພິຈາລະນາ ຍຶດເບິ່ງຕາມພະຍັນຊະນະເທົ່ານັ້ນ ຊຶ່ງບໍ່ແມ່ນຫຼັກການສຶກສາທີ່ຖືກຕ້ອງ.
...ไม่พึงยึดพยัญชนะจนเกินไป ดำรงอยู่ในข้อแนะนำของอาจารย์ทั้งหลาย พิจารณาถึงเนื้อความด้วยประการฉะนี้ ด้วยว่า เนื้อความเป็นที่พึ่งได้ พยัญชนะไม่ได้...
ພຣະພຸດທະເຈົ້າໃຫ້ພິຈາລະນາຂໍ້ມູນ ສອບສວນ ທຽບຄຽງໃນຫຼາຍສູດ ຖ້າເຂົ້າກັນໄດ້ກໍໃຫ້ຖືເອົາ ຖ້າເຂົ້າກັນບໍ່ໄດ້ ກໍບໍ່ໃຫ້ຖືເອົາ ແຕ່ຕ້ອງໃຊ້ຄວາມພິຈາລະນາກ່ອນ ບໍ່ແມ່ນໄປຄັດຄ້ານກ່ອນ ພຣະອົງຕັດໄວ້ວ່າ "ບໍ່ພຶ່ງຊື່ນຊົມ ບໍ່ພຶ່ງຄັດຄ້ານ" ຖ້າໄປຄັດຄ້ານກ່ອນ ມັນກະບໍ່ຖືກລະເນະ
......[๑๑๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย ข้อนี้ข้าพเจ้าได้สดับมา ได้รับมาเฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดา พวกเธอไม่พึงชื่นชม ไม่พึงคัดค้านคำกล่าวของภิกษุนั้น ครั้นไม่ชื่นชม ไม่คัดค้านแล้ว พึงเรียนบทพยัญชนะเหล่านั้นให้ดีแล้ว สอบสวนในพระสูตรเทียบเคียงในพระวินัย ถ้าสอบสวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัย ลงในพระสูตรไม่ได้ เทียบเคียงในพระวินัยไม่ได้ พึงถึงความตกลงใจในข้อนี้ว่านี้ไม่ใช่คำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น และภิกษุนี้จำมาผิดแล้วแน่นอน ดังนั้น พวกเธอพึงทิ้งคำกล่าวนั้นเสีย...
ດັ່ງນັ້ນ ຄວາມຄິດທີ່ວ່າ ຂຶ້ນຊື່ວ່າ ອັດຖະກະຖາບໍ່ໃຫ້ເອົາເລີຍ ມັນກໍເປັນການບໍ່ພິຈາລະນາຂໍ້ມູນ ບໍ່ສອບສວນ ທຽບຄຽງໃນຫຼາຍໆສູດ ແບບນີ້ບໍ່ເຂົ້າກັບຫຼັກທັມ ເປັນການປະຕິບັດທີ່ຜິດ