#ແກ້ໄຂຫຼືແກ້ກັມໃນຫຼັກພຸດທະສາດສະໜາ
ການແກ້ກັມມີຫຼາຍທາງ ເຊັ່ນ ແກ້ໂດຍການຂໍຂະມາ - ອົດໂທດໃຫ້ ເມື່ອເຫັນໂທດໂດຍຄວາມເປັນໂທດ ເຮັດຄືນຕາມທັມ ເຖິງຄວາມສຳລວມຕໍ່ໄປ ເປັນຄວາມຈະເລີນໃນອະຣິຍະວິໄນ
ການຂໍຂະມາມີຫຼາຍເລື່ອງໃນພຣະໄຕປິດົກ ຕົວຢ່າງເລື່ອງນີ້ ພຣະພຸດທະເຈົ້າໃຫ້ພຣະສາຣີບຸດອົດໂທດໃຫ້ພຣະອົງໜຶ່ງທີ່ກ່າວຕູ່ເພິ່ນ ຄັນບໍ່ຊັ້ນ ຫົວຂອງພິກຂຸນັ້ນຈະແຕກ 7 ປ່ຽງ ເມື່ອໄດ້ຮັບການອົດໂທດ ຫົວກໍບໍ່ແຕກ ແລະນີ້ຄືຕົວຢ່າງຂອງການແກ້ກັມຫຼືແກ້ໄຂ.
ดูก่อนสารีบุตร เธอจงอดโทษต่อโมฆบุรุษผู้นี้ มิฉะนั้น เพราะโทษนั้นนั่นแล ศีรษะของโมฆบุรุษนี้จักแตก ๗ เสี่ยง
ແຕ່ຖ້າບາບໜັກເຖິງຈະຂໍຂະມາກໍບໍ່ພົ້ນນະຣົກເໝືອນກັນ
...เราอดโทษให้เเก่เจ้า ไปเถิด พ่อโจรครั้นทำกรรมนั้นแล้ว ในกาลสิ้นอายุ บังเกิดแล้วในอเวจีไหม้ในอเวจีสิ้นกาลนาน ในกาลบัดนี้ เกิดเป็นอชครเปรต ถูกไฟไหม้อยู่ที่เขาคิชฌกูฏ ด้วยวิบาก [แห่งกรรม] ที่ยังเหลือ พระศาสดา ครั้นตรัสบุรพกรรมของเปรตนั้นอย่างนี้แล้ว จึงตรัสว่า " ภิกษุทั้งหลาย ธรรมดาคนพาล ทำกรรมอันลามกอยู่ ย่อมไม่รู้ แต่ภายหลัง เร่าร้อนอยู่เพราะกรรมอันตนทำแล้ว ย่อมเป็นเช่นกับไฟไหม้ป่า ด้วยตนของตนเอง "
ແກ້ໄຂບາບອັນເກົ່າດ້ວຍການໃຫ້ບຸນແກ່ເຈົ້າກັມນາຍເວນ
...ภิกษุทั้งหลายตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป พวกเธอทำการฟังธรรมใหญ่ก็ดี การฟังธรรมตามปกติก็ดี กล่าวอุปนิสินนกถาก็ดี โดยที่สุดแม้การอนุโมทนา แล้วพึงให้ส่วนบุญแก่สัตว์ทั้งปวง...
ແກ້ໄຂດ້ວຍການບໍ່ທຳບາບກັມອັນໃໝ່ ທຳກຸສົນໃຫ້ເຖິງພ້ອມ ແລະທຳຈິດຂອງຕົນໃຫ້ຜ່ອງແຜ້ວ
การไม่ทำบาปทั้งปวง ๑ การยังกุศลให้ถึงพร้อม ๑ การยังจิตของตนให้ผ่องแผ้ว ๑ นี้เป็นคำสอนของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย
ປະກັນບໍ່ໃຫ້ໄປນະຣົກມີຕົວຢ່າງໃນເລື່ອງ ຕັມພະທາຖິກະ ຂ້າໂຈນຢູ່ 55 ປີ ແຕ່ໄດ້ຖວາຍເຂົ້າຢາຄູແດ່ພຣະສາຣີບຸດ ທີ່ອອກຈາກສະມາບັດ ພຣະເຖຣະກ່າວອະນຸໂມທະນາ ແລະລວງລາວວ່າອະກຸສົນບໍ່ໄດ້ເກີດກັບລາວ ທີ່ເຮັດຕາມຄຳສັ່ງພຣະລາຊາ ແລ້ວສະແດງທັມ ລາວຟັງທັມແລ້ວໄດ້ບັນລຸໂສດາບັນ ຂະນະກັບຈາກຕາມສົ່ງພຣະເຖຣະແລ້ວ ຖືກນາງຍັກຄີນີມາດ້ວຍເພດແມ່ໂຄຊົນຕາຍ ໄປເກີດຢູ່ພົບດຸສິດ.
...ถูกพระเถระกล่าวอย่างนั้น มีความสำคัญว่า "อกุศลไม่มีแก่เรา" จึงกล่าวว่า " ท่านผู้เจริญ ถ้ากระนั้น ขอท่านจงกล่าวธรรมเถิด" อุบาสกนั้น เมื่อพระเถระทำอนุโมทนาอยู่ล มีจิตมีอารมณ์เป็นหนึ่ง ฟังธรรมอยู่ ยังขันติเป็นไปโดยอนุโลม (แก่อริยสัจ) ภายในแห่งโสดาปัตติมรรค ให้บังเกิดแล้ว แม้พระเถระ กระทำอนุโมทนาแล้วก็หลีกไปนางยักษิณีตนหนึ่งมาแล้วด้วยเพศแห่งแม่โคนม ขวิดที่อกอุบาสกผู้ตามส่งพระเถระหน่อยหนึ่งแล้วกลับอยู่ให้ตายแล้ว อุบาสกนั้นกระทำกาละแล้วก็บังเกิดในดุสิตบุรี...
ມີຕົວຢ່າງອີກໃນເລື່ອງ ສຸພົມເທວະບຸດ ມີນາງອັບສອນພັນໜຶ່ງເປັນບໍລິວານ ເທບອັບສອນ 500 ນາງເກີດຄວາມປະໝາດ ໄປເກີດໃນນະຣົກ ແລ້ວກໍຮູ້ວ່າຕົນເອງກໍຈະໄດ້ໄປຄືກັນ ຈຶ່ງຢ້ານເລີຍໄປເຂົ້າເຝົ້າພຣະຜູ້ມີພຣະພາກເຈົ້າ ພຣະອົງສະແດງທັມໃຫ້ຟັງ ໄດ້ບັນລຸເປັນໂສດາບັນ ພ້ອມດ້ວຍນາງເທບອັບສອນອີກ 500
...แม้สุพรหมเทพบุตร มีเทพอัปสรพันหนึ่ง เป็นบริวาร เสวยสวรรค์สมบัติ บรรดาเทพอัปสรสาวสวรรค์พันหนึ่งนั้น เทพอัปสร ๕๐๐ ตน กำลังเก็บดอกไม้ จากต้นอยู่หลัด ๆ ก็จุติ๑ แล้วเกิดในนรก ท้าวเธอทรงใคร่ครวญดูว่า สาวอัปสรเหล่านี้ เหตุใดจึงช้าอยู่ ? ได้ทรงเห็นว่าเขาเหล่านั้น เกิดในนรกแล้ว ทรงตรวจดูว่า อายุของเรา จะเท่าไรหนอ ?
พอทรงทราบพระชนมายุของพระองค์ก็จักสิ้นไปเหมือนกัน ก็ทรงเห็นว่า พระองค์จะทรงเกิดในนรกนั้นแหละ จึงตกพระทัย ทรงโทมนัสเหลือเกิน ทรงดำริว่า พระศาสดาจักขจัดโทมนัสของเรานี้ได้ ผู้อื่นขจัดไม่ได้ แล้วได้ทรงพาเทพอัปสรสาวสวรรค์ ๕๐๐ ที่ยังเหลือไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าทูลถามปัญหาว่า :-
จิตนี้สะดุ้งอยู่เนืองนิตย์ จิตคือใจนี้หวาดผวาเป็นประจำ เมื่อกิจ (เหตุ) เกิดขึ้นแล้วและยังไม่เกิดขึ้น ถ้าหากความไม่สะดุ้งกลัวมีอยู่ ขอพระองค์ผู้อันข้าพระองค์ทูลถานแล้ว จงตรัสบอกความไม่สะดุ้งนั้นแก่ข่าพระองค์ด้วยเถิด ลำดับนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้า ได้ตรัสกะท้าวเธอว่า :เรามองไม่เห็นความสวัสดีอย่างอื่นของสัตว์ทั้งหลายนอกจากการบำเพ็ญเพียร อันเป็นองค์แห่งการตรัสรู้นอกจากการสำรวมอินทรีย์ (และ) นอกจากการปล่อยวางทั้งหมด ในเวลาจบพระธรรมเทศนา ท้าวเธอ ดำรงอยู่ในโสดาปัตติผลพร้อมด้วยเทพอัปสร ๕๐๐ ทรงทำทิพยสมบัตินั้นให้มีเสถียรภาพแล้วได้เสด็จไปยังเทวโลกตามเดิม...
ອັນນີ້ກໍເອີ້ນວ່າ ແກ້ກັມຫຼືແກ້ໄຂ ເພາະເມື່ອເປັນພຣະໂສດາບັນມີອັນບໍ່ຕົກຕ່ຳເປັນທຳມະດາ ຈະບໍ່ໄປສູ່ນະຣົກ ກຳເນີດສັດເດຍລະສານ ປິດຕິວິໄສ ອະບາຍ ທຸກຄະຕິ ວິນິບາດ
[๑๖๐] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย เมื่อใดแล ภัยเวร ๕ ประการนี้ของอริยสาวกสงบแล้ว เมื่อนั้นอริยสาวกย่อมประกอบด้วยธรรมอันเป็นองค์แห่งโสดาปัตติ ๔ อย่างนี้ และญายธรรมอันประเสริฐนี้ อันอริยสาวกนั้นเห็นดีแล้ว แทงตลอดดีแล้วด้วยปัญญา อริยสาวกนั้นหวังอยู่ พึงพยากรณ์ตนด้วยตนเองได้ว่า เราย่อมเป็นผู้มีนรกสิ้นแล้ว มีกำเนิดสัตว์ดิรัจฉานสิ้นแล้ว มีปิตติวิสัยสิ้นแล้ว มีอบาย ทุคติ วินิบาตสิ้นแล้ว เราย่อมเป็นโสดาบัน มีอันไม่ตกต่ำเป็นธรรมดา เป็นผู้เที่ยงจะตรัสรู้ในภายหน้า
ແລະໃນກໍລະນີເລື່ອງ ອົງຄຸລິມານ ແກ້ໄຂບໍ່ໃຫ້ໝົກໄໝ້ຢູ່ໃນນະຣົກຈາກຜົນກັມທີ່ໄປຂ້າຄົນ ສະເຫວີຍແຕ່ທຸກໃນຊາດປັດຈຸບັນເທົ່ານັ້ນ ເພາະຫຼຸດພົ້ນແລ້ວ
[๕๓๓] ครั้งนั้น เวลาเช้า ท่านพระองคุลิมาลนุ่งแล้ว ถือบาตรและจีวร เข้าไปบิณฑบาตในพระนครสาวัตถี ก็เวลานั้นก้อนดิน... ท่อนไม้...ก้อนกรวดที่บุคคลขว้างไปแม้โดยทางอื่นก็มาตกลงที่กายของท่านพระองคุลิมาล ท่านพระองคุลิมาลศีรษะแตก โลหิตไหล บาตรก็แตก ผ้าสังฆาฏิก็ฉีกขาดเข้าไปเฝ้าพระผู้มีพระภาคเจ้าถึงที่ประทับ พระผู้มีพระภาคเจ้าได้ทอดพระเนตรท่านพระองคุลิมาลเดินมาแต่ไกล ครั้นแล้วได้ตรัสกะท่านพระองคุลิมาลว่าเธอจงอดกลั้นไว้เถิดพราหมณ์ เธอจงอดกลั้นไว้เถิดพราหมณ์ เธอได้เสวยผลกรรมซึ่งเป็นเหตุจะให้เธอพึงหมกไหม้อยู่ในนรกตลอดปีเป็นอันมาก ตลอดร้อยปีเป็นอันมาก ตลอดพันปีเป็นอัน มาก ในปัจจุบันนี้เท่านั้น
ຖ້າຢູ່ໃນຖານະທີ່ຈະແກ້ໄຂໄດ້ ພຣະອົງກໍຈະສະເດັດໄປເອົາ (ກໍລະນີຕົວຢ່າງ ຜູ້ຍິງຕັ້ງຄັນຄົນໜຶ່ງ ຕາຍແລ້ວຈະໄດ້ໄປນະຣົກ ແຕ່ບໍ່ໄດ້ໄປ)
...สมัยนั้น ในกรุงราชคฤห์ หญิงผู้หนึ่งมีครรภ์ อยากจะดื่มน้ำมันงา จึงล้างเมล็ดงาแล้วให้ตากแดดไว้ แต่หญิงผู้นั้น หมดอายุแล้ว ธรรมดาจะต้องจุติในวันนั้น เพราะกรรมของนาง ที่จะให้ไปนรกคอยโอกาสอยู่แล้ว ครั้งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงตรวจดูโลกเวลาใกล้รุ่ง ทรงเห็นนางด้วยทิพยจักษุ ทรงพระดำริว่า วันนี้ หญิงผู้นี้จักตายไปบังเกิดในนรก ถ้ากระไร เราพึงทำนางให้ไปสวรรค์ด้วยการรับอาหารคืองา พระองค์ก็เสด็จจากกรุงสาวัตถี ถึงกรุงราชคฤห์ ขณะนั้นนั่นเอง
เวลาเช้าทรงนุ่งแล้ว ก็ทรงถือบาตรและจีวรเที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์เสด็จถึงประตูเรือนของนางโดยลำดับ หญิงผู้นั้น เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเกิดปีติโสมนัส รีบลุกขึ้นประคองอัญชลีประนม ไม่เห็นสิ่งอื่นที่ควรถวายล้างมือเท้าแล้ว ตะล่อมงาเป็นกอง กอบด้วยมือทั้ง ๒ เกลี่ยงาเต็มอัญชลีลงในบาตรของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วถวายบังคม พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อจะทรงอนุเคราะห์นางจึงตรัสว่า จงเป็นสุขเถิด แล้วเสด็จกลับไป
เวลาใกล้รุ่งของคืนนั้น นางก็ตายไปบังเกิดในวิมานทอง สิบสองโยชน์ภพดาวดึงส์เหมือนหลับแล้วตื่นขึ้น...
ພຣະໂກກາລິກາຕຳໜິພຣະອັກຄະຣະສາວົກ ວ່າມີຄວາມປາດຖະໜາລາມົກ ພຣະພຸດທະອົງຊົງຫ້າມເຖິງ 3 ຄັ້ງ ກໍບໍ່ຟັງ ເມື່ອກັບໄປແລ້ວ ກໍປ່ວຍມີຕຸ່ມຂຶ້ນເຕັມຕົວ ຕາຍໄປຕົກປະທຸມະນະຣົກ ແຕ່ຖ້າແກ້ໄຂ ຈະບໍ່ໄດ້ຮັບໂທດໜັກແບບນີ້
...โกกาลิก ก็เธออย่าได้กล่าวเช่นนี้ โกกาลิก ก็เธออย่าได้กล่าวเช่นนี้ โกกาลิก เธอจงทำจิตให้เลื่อมใสในภิกษุชื่อว่าสารีบุตรและโมคคัลลานะ ภิกษุชื่อว่าสารีบุตรและโมคคัลลานะเป็นผู้มีศีลเป็นที่รัก...
ເພາະບາບກັມທີ່ເຮັດໄວ້ແລ້ວ ອັນຜູ້ໃດຍ່ອມປິດກັ້ນໄວ້ດ້ວຍບຸນ