#“ເອົາແຕ່ພຸດທະພົດ ບໍ່ເອົາອັດຖະກະຖາ” ກຳລັງເວົ້າຂ້າຕົນເອງ
...เขาสอนคนอื่นให้ถือความจริงในเวลาใด ก็ชื่อว่าเขาสอนให้ถือมุสาวาทในเวลานั้น เรากล่าวการสอนของเขานี้ในฐานมุสาวาท ล่วงราตรีนั้นแล้ว เขาชื่อว่าบริโภค (กินอยู่ใช้สอย) โภคะ เป็นอย่างของที่เจ้าของไม่ให้นั่นเอง เรากล่าวการบริโภคของเขานี้ในฐานอทินนาทาน วิสาขานิคัณฐอฺโบสถ เป็นอย่างนี้แล อุโบสถที่รักษาอย่างนี้ เป็นอุโบสถที่ไม่มีผลมาก ไม่มีอานิสงส์มาก ไม่เรืองผลมาก ไม่แผ่ผลมาก...
ພຣະພຸດທະເຈົ້າບໍ່ໃຫ້ຄັດຄ້ານໂດຍບໍ່ພິຈາລະນາແລະສອບສວນກ່ອນ ຖ້າໄປຄັດຄ້ານກ່ອນກໍເປັນການປິດກັ້ນ ມີອະຄະຕິ ຄັບແຄບ ດັ່ງນັ້ນ ທີ່ວ່າບໍ່ໃຫ້ເອົາອັດຖະກະຖາເລີຍ ຈຶ່ງເປັນການເຮັດຂັດກັບຄຳສອນຂອງພຣະພຸດທະເຈົ້າ ຊຶ່ງຢ້ອນແຍ້ງມາໃສ່ຕົນເອງ (ໃສບອກວ່າເອົາແຕ່ພຸດທະພົດແຕ່ພຸດທະພົດບອກວ່າບໍ່ໃຫ້ຄັດຄ້ານກ່ອນ ແຕ່ເປັນຫຍັງໄປຄັດຄ້ານກ່ອນ ?) ເຮົາຄວນສຶກສາໄປຕາມພຣະໄຕຣປິດົກນີ້ລະ ຜິດກໍວ່າໄປຜິດ ຖືກກໍວ່າໄປຖືກ ແຕບໍ່ຄວນໄປປິດກັ້ນ ບໍ່ຄວນໄປສ້າງຂໍ້ຜູກມັດຂ້າຕົນເອງ.
[๑๑๓] ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ภิกษุในธรรมวินัยนี้ พึงกล่าวอย่างนี้ว่า ผู้มีอายุทั้งหลาย ข้อนี้ข้าพเจ้าได้สดับมา ได้รับมาเฉพาะพระพักตร์ พระผู้มีพระภาคเจ้าว่า นี้เป็นธรรม นี้เป็นวินัย นี้เป็นคำสอนของพระศาสดาพวกเธอไม่พึงชื่นชม ไม่พึงคัดค้านคำกล่าวของภิกษุนั้น ครั้นไม่ชื่นชม ไม่คัดค้านแล้ว พึงเรียนบทพยัญชนะเหล่านั้นให้ดีแล้ว สอบสวนในพระสูตรเทียบเคียงในพระวินัย ถ้าสอบสวนในพระสูตร เทียบเคียงในพระวินัย ลงในพระสูตรไม่ได้ เทียบเคียงในพระวินัยไม่ได้ พึงถึงความตกลงใจในข้อนี้ว่านี้ไม่ใช่คำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น และภิกษุนี้จำมาผิดแล้วแน่นอน ดังนั้น พวกเธอพึงทิ้งคำกล่าวนั้นเสีย ถ้าเมื่อสอบสวนในพระสูตรเทียบเคียงในพระวินัย ลงในพระสูตรได้ เทียบเคียงในพระวินัยได้ พึงถึงความตกลงใจในข้อนี้ว่า นี้คำสอนของพระผู้มีพระภาคเจ้าพระองค์นั้น และภิกษุนี้จำมาถูกต้องแล้วแน่นอน ภิกษุทั้งหลาย พวกเธอพึงทรงจำมหาปเทสข้อที่หนึ่งนี้ไว้
ສະຫຼຸບ ຄື ພຣະພຸດທະເຈົ້າບໍ່ໃຫ້ເອົາຄຳຂອງຜູ້ອື່ນທີ່ຜິດຫັ້ນມີ ແຕ່ອັນທີ່ບໍ່ໃຫ້ເອົາເລີຍ ປິດກັ້ນໂດຍບໍ່ພິຈາລະນາແລະສອບສວນກ່ອນ ອັນນີ້ບໍ່ມີ.