#ເລື່ອງການໃຫ້ພອນຂອງພຣະບໍ່ແມ່ນການໃຫ້ພອນ
...พระศาสดาเสด็จมาแล้วตรัสถามว่า "ภิกษุทั้งหลาย บัดนี้พวกเธอนั่งประชุมกัน ด้วยเรื่องอะไรหนอ ?" เมื่อภิกษุทั้งหลายกราบทูลว่า "ด้วยเรื่องชื่อนี้" จึงตรัสว่า "ภิกษุทั้งหลาย อายุเจริญอย่างเดียวเท่านั้นก็หาไม่ ก็สัตว์เหล่านี้ไหว้ท่านผู้มีพระคุณ ย่อมเจริญด้วยเหตุ ๔ ประการ พ้นจากอันตราย ดำรงอยู่จนตลอดอายุทีเดียว" ดังนี้แล้ว เมื่อจะทรงสืบอนุสนธิแสดงธรรม จึงตรัสพระคาถานี้ว่า :- ๘. อภิวาทนสีลิสฺส นิจฺจํ วุฑฺฒาปจายิโน จตฺตาโร ธมฺมา วฑฺฒนฺติ อายุ วณฺโณ สุขํ พลํ "ธรรม ๔ ประการ คือ อายุ วรรณะ สุขะ พละ เจริญแก่บุคคลผู้กราบไหว้เป็นปกติ ผู้อ่อนน้อมต่อท่านผู้เจริญเป็นนิตย์"...
...แม้พระศาสดาได้ทรงทำพระปริตรตลอดคืนยังรุ่ง เมื่อ ๗ วันล่วงแล้ว อวรุทธกยักษ์ไม่ได้เด็ก ก็ในวันที่ ๘ เนื้ออรุณพอขึ้นเท่านั้น สองสามีภรรยานำเด็กมาให้ถวายบังคมพระศาสดา พระศาสดาตรัสว่า " ขอเจ้าจงมีอายุยืนเถิด " ...
ຄຳວ່າ "ຂໍເຈົ້າຈົ່ງມີອາຍຸຍືນເຖີດ" ທີ່ພຣະອົງຕັດນັ້ນ ບໍ່ແມ່ນເປັນການວິ່ງວອນ ຫຼື ອວຍພອນແຕ່ຢ່າງໃດ ແຕ່ເປັນການຕັດໃນແງ່ສະແດງຄວາມເມດຕາ ອະນຸເຄາະ ເອັນດູແກ່ຜູ້ນັ້ນ ແລະການທີ່ເດັກນ້ອຍຄົນນັ້ນອາຍຸຍືນ ກໍເປັນເພາະຜົນບຸນຂອງເຂົາ ທຳມະດາ ຕະຖາຄົດຕັດຍ່ອມມີເຫດ.
ນອກຈາກນີ້ ຍັງເປັນທຳນຽມຂອງພຣະພຸດທະເຈົ້າທັງຫຼາຍນຳ ທີ່ເມື່ອມີຜູ້ຖວາຍບັງຄົມ ຈະຊົງຊູພຣະສໍຊຶ່ງຄ້າຍກັບກອງທອງຂຶ້ນແລ້ວ ຊົງເປ່ງພຣະສຸຣະສຽງ ຕັດຣະບຸຊື່ຂອງຜູ້ນັ້ນໆວ່າ ຈົ່ງເປັນສຸກໆ ເຖີດ ເພາະພຣະພຸດທະເຈົ້າມີຄວາມເມດຕາ ອະນຸເຄາະແກ່ສັດທັງປວງ.
...ธรรมเนียมของพระพุทธเจ้าได้ทราบว่า พระผู้มีพระภาคเจ้า เมื่อมีผู้ถวายบังคม จะทรงชูพระศอซึ่งคล้ายกับกลองทองขึ้นแล้ว ทรงเปล่งพระสุระเสียง ดุจเสียงพระพรหม ที่เสนาะโสต เป็นที่จับใจ คล้ายกับโสรจสรง ด้วยน้ำอมฤต ตรัสระบุชื่อของผู้นั้น ๆ ว่า จงเป็นสุข ๆ เถิด ดังนี้ ข้อนี้เป็นธรรมเนียมของพระพุทธเจ้าทั้งหลาย...
ຍັງມີອີກຕົວຢ່າງທີ່ປາກົດໃນເລື່ອງນີ້ ພຣະອົງສະແດງຄວາມເມດຕາ ອະນຸເຄາະ ເອັນດູແກ່ຍິງຄົນນີ້
...พระองค์ก็เสด็จจากกรุงสาวัตถี ถึงกรุงราชคฤห์ ขณะนั้นนั่นเองเวลาเช้าทรงนุ่งแล้ว ก็ทรงถือบาตรและจีวรเที่ยวบิณฑบาตในกรุงราชคฤห์เสด็จถึงประตูเรือนของนางโดยลำดับ หญิงผู้นั้น เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเกิดปีติโสมนัส รีบลุกขึ้นประคองอัญชลีประนม ไม่เห็นสิ่งอื่นที่ควรถวายล้างมือเท้าแล้ว ตะล่อมงาเป็นกอง กอบด้วยมือทั้ง ๒ เกลี่ยงาเต็มอัญชลีลงในบาตรของพระผู้มีพระภาคเจ้า แล้วถวายบังคม พระผู้มีพระภาคเจ้าเมื่อจะทรงอนุเคราะห์นางจึงตรัสว่า จงเป็นสุขเถิด... แล้วเสด็จกลับไป
ຕາມຫຼັກພຣະວິໄນ ພິກຂຸຢືນສະແດງທັມແກ່ຄົນບໍ່ເປັນໄຂ້ຜູ້ນັ່ງຢູ່ຕ້ອງອາບັດທຸກກົດ ແລະການທີ່ພິກຂຸໃນປັດຈຸບັນນີ້ໄປເວົ້າວ່າ ອາຍຸ ວັນໂນ ສຸຂັງ ພະລັງ ນັ້ນກໍເປັນທັມ 4 ປະການ ຈຶ່ງຕ້ອງອາບັດທຸກກົດ ເພາະເປັນທັມ.
ອີງຈາກເນື້ອຄວາມໃນພຣະໄຕປິດົກ ການໃຫ້ພອນ ຄື ໃຫ້ສິ່ງທີ່ຂໍ ແລະຕ້ອງເປັນສິ່ງທີ່ປະກອບດ້ວຍປະໂຫຍດ ບໍ່ມີໂທດ ເຊັ່ນ ພຣະພຸດທະເຈົ້າ ປະທານພອນ 8 ປະການແກ່ພຣະອານົນທີ່ທູນຂໍ.
...แม้พระผู้มีพระภาคเจ้าก็ได้ทรงประทานแก่พระอานนท์นั้น พระอานนท์ครั้นรับพร ๘ ประการเหล่านี้ แล้วก็ได้เป็นอุปฐากประจำด้วยประการฉะนี้ พระอานนท์บรรลุผลแห่งบารมีที่บำเพ็ญมาตลอด แสนกัปเพื่อตำแหน่งนั้น พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า ดูกรภิกษุทั้งหลาย บัดนี้ภิกษุอานนท์ผู้เป็นอุปฐากของเราได้เป็นอุปฐากผู้เลิศดังนี้ หมายถึงความที่พระอานนท์นี้เป็นอุปฐากประจำนั้น นี้เป็นการกำหนดอุปฐาก
ນາງວິສາຂາທູນຂໍປະທານພອນ 8 ປະການ ທີ່ປະກອບດ້ວຍປະໂຫຍດ ບໍ່ມີໂທດ ພຣະອົງກໍຊົງອະນຸຍາດ
...หม่อมฉันทูลขอประทานพร ๘ ประการต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าพระพุทธเจ้าข้า
ภ. ตถาคตเลิกไห้พรเสียแล้ว วิสาขา
วิ. หม่อมฉันทูลขอประทานพรที่สมควรและไม่มีโทษ พระพุทธเจ้าข้า
ภ. จงบอกมาเถิด วิสาขา...
...จึงขอประทานพร ประการต่อพระองค์ พระพุทธเจ้าข้า
ภ. ดีละ ดีละ วิสาขา ดีแท้ วิสาขา เธอเห็นอานิสงส์นี้ จึงขอพร ๘ ประการต่อตถาคต เราอนุญาตพร ๘ ประการแก่เธอ...
ຊີວົກໂກມານພັດ ທູນຂໍປະທານພອນ ທີ່ປະກອບດ້ວຍປະໂຫຍດ ບໍ່ມີໂທດ ພຣະອົງກໍຊົງອະນຸຍາດ
...ข้าพระพุทธเจ้าจะขอประทานพรต่อพระผู้มีพระภาคเจ้าสักอย่างหนึ่ง พระพุทธเจ้าข้า
ภ. พระตถาคตทั้งหลายเลิกให้พรเสียแล้ว ชีวก
ชี. ข้าพระพุทธเจ้าขอประทานพรที่สมควรและไม่มีโทษ พระพุทธเจ้าข้า
ภ. จงว่ามาเถิด ชีวก
ชี. พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคเจ้าและพระสงฆ์ทรงถือผ้าบังสุกุลเป็นปกติอยู่ ผ้าสิไวยกะของข้าพระเจ้าคู่นี้ พระเจ้าจัณฑปัชโชตทรงส่งมาพระราชทาน เป็นผ้าเนื้อดีเลิศ ประเสริฐ มีชื่อเสียงเด่นอุดม และเป็นเยี่ยมกว่าผ้าทั้งหลายเป็นอันมาก ตั้งหลายคู่ ตั้งหลายร้อยคู่ หลายพันคู่ หลายแสนคู่ ขอพระผู้มีพระภาคเจ้าจงทรงพระกรุณาโปรดรับผ้าคู่สิไวยกะของข้าพระพุทธเจ้าและขอจงทรงพระพุทธานุญาตคหบดีจีวรแก่พระสงฆ์ด้วยเถิด พระพุทธเจ้าข้า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงรับผ้าคู่สิไวยกะแล้ว ครั้นแล้ว ทรงชี้แจงให้ชีวกโกมารภัจจ์ เห็นแจ้ง สมาทาน อาจหาญ ร่าเริงด้วยธรรมีกถา...
ຈະເຫັນໄດ້ວ່າ ການທີ່ພິກຂຸໃນປັດຈຸບັນນີ້ ໄປເວົ້າວ່າ ອາຍຸ ວັນໂນ ສຸກຂັງ ພະລັງ ນັ້ນ ບໍ່ແມ່ນເປັນການໃຫ້ພອນ (ແຕ່ເປັນການສະແດງທັມ 4 ປະການ) ແລະ ການສະແດງທັມ 4 ປະການນີ້ກໍບໍ່ແມ່ນການໃຫ້ພອນ ເພາະການໃຫ້ພອນ ຄື ໃຫ້ໃນສິ່ງທີ່ຂໍ ແລະຕ້ອງເປັນສິ່ງທີ່ປະກອບດ້ວຍປະໂຫຍດ ບໍ່ມີໂທດ ແຕ່ທັມ 4 ປະການເປັນຜົນບຸນຈາກການທີ່ຕ້ອງສ້າງເອົາເອງ ບໍ່ແມ່ນໃຫ້ກັນໄດ້ເອງ ຈຶ່ງບໍ່ແມ່ນການໃຫ້ພອນ.
ການທີ່ພຣະພຸດທະເຈົ້າໄປອະນຸເຄາະເດັກນ້ອຍຄົນນັ້ນ ກໍເພາະຊົງເລັງເຫັນແລ້ວວ່າ ທີ່ໄປນັ້ນ ຈະເຮັດໃຫ້ ອາຍຸວັດທະນະກຸມານ (ເດັກຄົນນັ້ນ) ຕັ້ງຢູ່ໃນໂສດາປັດຕິຜົນ ພ້ອມກັບອຸບາສົກ 500 ແລະຊົນເຫຼົ່າອື່ນເປັນອັນມາກ ກໍຈະບັນລຸອະຣິຍະຜົນທັງຫຼາຍ ມີໂສດາປັດຕິຜົນເປັນຕົ້ນ ແລ້ວຈະໄດ້ບອກທັມ 4 ປະການນີ້ ນີ້ຄືປະເດັນສາລະໃນເລື່ອງນີ້ ເລື່ອງນີ້ບໍ່ກ່ຽວກັບການໃຫ້ພອນເລີຍ ແລະພຣະອົງກໍບໍ່ໄດ້ໃຫ້ພອນໃຜ.
...ในเวลาจบเทศนา อายุวัฒนกุมาร ตั้งอยู่ในโสดาปัตติผล พร้อมกับอุบาสก ๕๐๐ แล้ว แม้ชนเหล่าอื่นเป็นอันหาก ก็บรรลุอริยผลทั้งหลาย มีโสดาปัตติผลเป็นต้น ดังนี้แล...
ການໃຫ້ພອນກໍບໍ່ແມ່ນໃຫ້ເພື່ອເປັນມຸງຄຸນງົມງາຍຫຍັງ ຖ້າໄປໃຫ້/ຮັບ ເພື່ອເປັນມຸງຄຸນງົມງາຍ ຄື ໄປຄິດວ່າ ນີ້ເປັນມຸງຄຸນ ເປັນຣຶກດີ ກໍກາຍເປັນຖືມຸງຄຸນຕື່ນຂ່າວ ນອກຈາກນີ້ ເລື່ອງຄຳກ່າວທີ່ວ່າ ອາຍຸ ວັນນະ ສຸຂະ ພະລະ ຍັງມີທີ່ມາຈາກອານີສົງຂອງການໃຫ້ໂພຊະນະຫານເປັນທານ ເຊິ່ງບໍ່ຕ້ອງເວົ້າຕອນບິນທະບາດ