...ดูก่อนมหาบพิตร บุคคลผู้ถึงพระพุทธเจ้าเป็นสรณะ ถึงพระธรรมเป็นสรณะถึงพระสงฆ์เป็นสรณะ ด้วยเหตุเพียงเท่านี้แล บุคคลจึงจะชื่อว่า เป็นอุบาสก...

ดูก่อนอานนท์ ก็ภิกษุพวกใดพวกหนึ่ง ในบัดนี้ก็ดี ในกาลที่เราล่วงไปก็ดี จักเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ พวกภิกษุเหล่านี้นั้นที่เป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา จักเป็นผู้เลิศ.

...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย อุบาสกผู้ประกอบด้วยธรรม ๕ อย่างย่อมเป็นอุบาสกจัณฑาล เป็นอุบาสกมีมลทิน เป็นอุบาสกมีความเศร้าหมองและเป็นอุบาสกต่ำช้า ธรรม ๕ ประการอะไรบ้าง (คือ) เป็นผู้ไม่มีศรัทธา (ในพระรัตนตรัย) ๑ เป็นคนทุศีล ๑ เป็นคนถือมงคลตื่นข่าว คือ เชื่อมงคล ( ฤกษ์, ยาม ) ไม่เชื่อกรรม ๑ แสวงหาทักขิไณยบุคคลนอกจากศาสนานี้ (พุทธศาสนา ) ๑ บำเพ็ญกุศลในศาสนานั้น ๑

[๘๔] บุรุษผู้มีเชื้อชาติบัณฑิต เข้าไปอยู่ในประเทศใด พึงเชิญท่านพรหมจารีทั้งหลายผู้มีศีล ผู้สำรวมให้บริโภคในประเทศนั้น แล้วอุทิศทักษิณาให้แก่เทวดาทั้งหลาย ซึ่งมีอยู่ในประเทศนั้นเทวดาทั้งหลายเหล่านั้น อันบุรุษนั้นบูชาแล้ว ย่อมบูชาตอบ นับถือแล้ว ย่อมนับถือตอบ ซึ่งบุรุษนั้น เพราะเหตุนั้นเทวดาทั้งหลายจะอนุเคราะห์บุรุษเชื้อชาติบัณฑิตนั้น เหมือนมารดาอนุเคราะห์บุตรของตน บุรุษผู้ซึ่งเทวดาอนุเคราะห์แล้วจะประสบแต่สิ่งเจริญทั้งหลายในกาลทุกเมื่อ

...เศรษฐีนั้น จึงกล่าวกะเทวดานั้นอย่างนี้ว่า นี้เป็นโอวาทที่ท่านให้เราหรือ เทวดากล่าวว่า จ้ะ นี้เป็นโอวาท ท่านเศรษฐีกล่าวว่า เราอันพระทศพลทรงกระทำให้เป็นผู้อันพวกเทวดาเช่นท่านตั้งร้อยก็ดี พันก็ดี แสนก็ก็ดี ไห้หวั่นไหวไม่ได้และศรัทธาของเราไม่คลอนแคลนตั้งมั่นดีแล้วดุจภูเขาสิเนรุ เราสละทรัพย์ในรัตนศาสนาอันเป็นเครื่องนำออกจากทุกข์ ท่านพูดคำอันไม่ควร ท่านผู้ไม่มีอาจาระ ทุศีล เป็นกาลกิณีเห็นปานนี้ ให้การประหารพระพุทธศาสนา เราไม่มีกิจคือการอยู่ในเรือนเดียวกันกับท่าน ท่านจงรีบออกจากเรือนของเราไปอยู่ที่อื่น...