#ພຣະພຸດທະເຈົ້າຫົວໂຫຼ້ນຫຼືບໍ່ ?
ເພາະຖ້າສາວົກໂຫຼ້ນ ແຕ່ພຣະພຸດທະເຈົ້າບໍ່ໄດ້ໂຫຼ້ນ ຖ້າເຂົາຢາກໃຊ້ຄຳດ່າແບບລວມໆໃນເຊີງສັນຍາລັກວ່າໂຫຼ້ນ ກໍຍ່ອມໄດ້ (ເພາະຄົນໃນຍຸກນັ້ນນິຍົມຜົມຍາວ ປະກອບມຸມມອງຂອງຜູ້ມີຈິດຄິດຢາກດ່າໃນເຊີງສັນຍາລັກ) ເຮົາຊິໄປເອົາອີຫຍັງແນ່ນອນກັບຄຳດ່າຂອງຄົນບໍ່ໄດ້ ຍົກຕົວຢ່າງ ຂຽນໃສ່ເຈ້ຍວ່າ "ບັກໜ້າໝາ" ແລ້ວຝັງດິນໄວ້ ອີກພັນປີຂ້າງໜ້າ ຄົນໃນຍຸກນັ້ນເປີດອ່ານເບິ່ງ ກໍຈະໄປຕີຄວາມໝາຍວ່າ ຄົນໆນັ້ນໜ້າເປັນໝາຫວາ ? ຫຼື ແມ້ແຕ່ໃນທາງສືບສວນຂອງເຈົ້າໜ້າທີ່ຕຳຫຼວດ ຈະຍຶດເອົາຄຳດ່າຂອງຄົນມາເປັນຂໍ້ສະຫຼຸບ ໂດຍບໍ່ເບິ່ງຫຼັກຖານອື່ນເລີຍຊິໄດ້ຫວາ ?
...อัคคิกภารทวาชพราหมณ์ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาแต่ไกลทีเดียว ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า หยุดอยู่ที่นั่นแหละคนโล้น หยุดอยู่ที่นั่นแหละสมณะ...
ຍົກເອົາຂໍ້ທີ່ສາວົກໂຫຼ້ນ ພຣະພຸດທະເຈົ້າກໍຕ້ອງໂຫຼ້ນນຳ "ເພາະພຣະພຸດທະເຈົ້າຕ້ອງເປັນແບບຢ່າງ" ມາອ້າງອີງ : ອັນນີ້ ກໍບໍ່ສົມເຫດຜົນ ເພາະເປັນໄປບໍ່ໄດ້ທີ່ພຣະພຸດທະເຈົ້າຈະໝືອນສາວົກໄປໝດທຸກຢ່າງ ຖ້າຈະວ່າໃນເລື່ອງຂອງການເປັນແບບຢ່າງ ພຣະພຸດທະເຈົ້າສ້າງບາລະມີມາ 4 ອາສົງໄຂ ແສນກັປ ນັ້ນເປັນແບບຢ່າງແລ້ວ ຄວາມອັດສະຈັນຂອງພຣະໂພທິສັດ ຫຼື ແມ້ແຕ່ເປັນພຣະພຸດທະເຈົ້າແລ້ວມີຢູ່ ແລະ ພຣະພຸດທະເຈົ້າກໍບັນຍັດວິໄນໃຫ້ສາວົກເທົ່ານັ້ນ ບໍ່ໄດ້ບັນຍັດໃຫ້ພຣະອົງເອງ ໃນເມື່ອການບັນຍັດສິກຂາບົດມີແກ່ພຣະສາວົກເທົ່ານັ້ນ ຈຶ່ງບໍ່ມີຄວາມຈຳເປັນທີ່ພຣະພຸດທະເຈົ້າຕ້ອງໄປໂກນຜົມເໝືອນສາວົກ ຫຼື ໃຫ້ພຣະອົງເປັນແບບຢ່າງໃນເລື່ອງນີ້ (ມີໃຜຊິໄປໂຕ້ແຍ້ງພຣະພຸດທະເຈົ້າໄດ້ບໍ່ວ່າເປັນຫຍັງຈຶ່ງບໍ່ບັນຍັດໃຫ້ຕົນເອງນຳ ຈຶ່ງຈະເປັນແບບຢ່າງ ?)
...อนึ่ง การบัญญัติสิกขาบท ย่อมมีแก่พระสาวกทั้งหลายเท่านั้น ชื่อว่าเขตแดนแห่งสิกขาบทย่อมไม่มีแก่พระพุทธเจ้าทั้งหลาย เหมือนอย่างว่าดอกไม้และผลไม้ที่มีอยู่ในพระราชอุทยาน คนเหล่าอื่นเก็บดอกไม้แลผลไม้เหล่านั้นไปย่อมมีโทษ ส่วนพระราชาทรงบริโภคได้ตามพระราชอัธยาศัย ข้อนี้ก็มีอุปไมยเหมือนอย่างนั้น
ແລະພຣະພຸດທະເຈົ້າມີຄວາມບໍລິສຸດຢູ່ 4 ຢ່າງ ທີ່ບໍ່ຕ້ອງຮັກສາ ຄື (1) ກາຍສະມາຈານບໍລິສຸດ (2) ວະຈີສະມາຈານບໍລິສຸດ (3) ມະໂນສະມາຈານບໍລິສຸດ (4) ອາຊີວະສະມາຈານບໍລິສຸດ (ມີໃຜຈະໄປໂຕ້ແຍ້ງພຣະພຸດທະເຈົ້າໄດ້ບໍ່ວ່າ ເປັນຫຍັງຈຶ່ງບໍ່ຮັກສາ ຈຶ່ງຈະເປັນແບບຢ່າງ ?)
...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความบริสุทธิ์ที่ตถาคตไม่ต้องรักษา ๔ อย่างเหล่านี้ ๔ อย่างอะไรบ้าง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตมีกายสมาจารบริสุทธิ์ ตถาคตไม่มีกายทุจริตที่จะพึงรักษาว่า ผู้อื่นอย่าได้รู้สิ่งนี้ของเราเลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตมีวจีสมาจารบริสุทธิ์ตถาคตไม่มีวจีทุจริตที่จะพึงรักษาว่า ผู้อื่นอย่าได้รู้สิ่งนี้ของเราเลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลายตถาคตมีมโนสมาจารบริสุทธิ์ ตถาคตไม่มีมโนทุจริตที่จะพึงรักษาว่า ผู้อื่นอย่าได้รู้สิ่งนี้ของเราเลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตมีอาชีวะบริสุทธิ์ ตถาคตไม่มีมิจฉาชีวะที่จะพึงรักษาว่า ผู้อื่นอย่าได้รู้สิ่งนี้ของเราเลย ดังนี้
ພຣະພຸດທະເຈົ້າບໍ່ທຳອຸໂບສົກ ບໍ່ສະແດງປາຕິໂມກ ໃຫ້ແຕ່ພິຂຸທັງຫຼາຍທຳ ເພາະບໍ່ແມ່ນຖານະ ບໍ່ແມ່ນໂອກາດ ທີ່ພຣະພຸດທະເຈົ້າຈະທຳອຸໂບສົກ ສະແດງປາຕິໂມກໃນບໍລິສັດຜູ້ບໍ່ບໍລິສຸດ (ມີໃຜຊິໄປໂຕ້ແຍ້ງພຣະພຸດທະເຈົ້າໄດ້ບໍ່ວ່າເປັນຫຍັງບໍ່ທຳ ຈຶ່ງຈະເປັນແບບຢ່າງ ?) ເພາະສະນັ້ນ ຊິໄປເອາເລື່ອງການເປັນແບບຢ່າງມາເປັນປະເດັນບໍ່ໄດ້ດອກ ເພາະພຣະສາດສະດາກັບສາວົກຍ່ອມມີຄວາມຕ່າງ.
...ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตั้งแต่บัดนี้ไป เราจักไม่ทำอุโบสถ จักไม่แสดงปาติโมกข์ตั้งแต่บัดนี้ไปพวกเธอพึงทำอุโบสถ พึงสวดปาติโมกข์ ดูก่อนภิกษุทั้งหลายข้อที่ตถาคตจะพึงทำอุโบสถ แสดงปาติโมกข์ในบริษัทผู้ไม่บริสุทธิ์ นั้นไม่ใช่ฐานะ ไม่ใช่โอกาส...
ແຕ່ກໍມີການອ້າງທ່ອນນີ້ຢູ່ວ່າ ເຫັນປາຍເສັ້ນຜົມ ຈຶ່ງຢຽດຫຍາມວ່າໂຫຼ້ນ
...พอพระผู้มีพระภาคเจ้าเปิดพระเศียร พราหมณ์เห็นพระเกสาจึงกล่าวว่า มุณฺโฑ คนโล้น พราหมณ์มองดูอย่างถี่ถ้วนไม่เห็นปลายพระเกศา แม้แต่น้อยจึงเหยียดหยามกล่าวว่ามุณฺฑโก คนโล้นเลี่ยนดังนี้...
ແຕ່ທ່ອນຂ້າງເທິງນີ້ ກໍຂັດແຍ້ງກັບທ່ອນອື່ນໆທີ່ເວົ້າເຖິງຜົມຄືກັນ (ຊຶ່ງກະມີຫຼາຍ) ເພາະຖ້າໂຫຼ້ນຄົງບໍ່ເວົ້າເຖິງຜົມ
...พระผู้มีพระภาคเจ้าเปิดพระเศียร พราหมณ์เห็นพระองค์มีผมสั้น จึงกล่าวว่าผู้นี้เป็นสมณะโล้น เมื่อตรวจดูตระหนักยิ่งกว่านั้น ก็มิได้เห็นแม้ปลายผมพอจะไหวได้ จึงกล่าวติว่า สมณะโล้น...
ພຣະພຸດທະເຈົ້າໄດ້ປະທານພຣະເກສາ 8 ເສັ້ນ ແກ່ສອງພານິດ ຖ້າວ່າເພິ່ນບໍ່ມີຜົມ ຊິເອົາຜົມມາແຕ່ໃສມາໃຫ້ ?
...ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์โปรดประทานเจดีย์สำหรับบูชาแก่พวกข้าพระองค์เถิด พระศาสดาทรงเอาพระหัตถ์ขวาลูบพระเศียรแล้วประทานเส้นพระเกศธาตุ ๘ เส้น แก่ชนแม้ทั้งสอง ชนทั้งสองนั้นวางพระเกศธาตุไว้ในผอบทองคำนำไปสู่นครของตน ให้บรรจุพระเกศธาตุของพระพุทธเจ้าที่ยังมีพระชนม์ไว้ที่ประตูอสิตัญชนนคร ในวันอุโบสถก็มีรัศมีสีนิลเปล่งออกมาจากพระเจดีย์...
...สองพานิชนั้นครั้นประกาศความเป็นอุบายสกอย่างนั้นแล้ว ได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า ทีนี้ ตั้งแต่วันนี้ไป ข้าพระองค์พึงทำการอภิวาทและยืนรับใครเล่า พระเจ้าข้า ? พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงลูบพระเศียร พระเกศาติดพระหัตถ์ ได้ประทานพระเกศาเหล่านั้น แก่เขาทั้งสอง ด้วยตรัสว่าท่านจงรักษาผมเหล่านี้ไว้ สองพานิชนั้น ได้พระเกศธาตุราวกะได้อภิเษกด้วยอมตธรรม รื่นเริงยินดีถวายบังคมพระผู้มีพระภาคเจ้าแล้วหลีกไป....
...ในขณะนั้นท่านพระราหุลเสด็จไป ณ เบื้องพระปฤษฎางค์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแลดูพระตถาคตตั้งแต่พื้นพระบาทจนถึงปลายพระเกสา ท่านพระราหุลนั้นทอดพระเนตรเห็นความงดงามของเพศพระพุทธเจ้าของพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงดำริว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพระสรีระวิจิตรด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการงดงาม...
...ลำดับนั้น พราหมณ์ได้เกิดความคิดว่า สมณะนี้ตรัสว่า เราก็ไถและหว่าน ดังนี้ เราไม่เห็นเครื่องมือสำหรับทำนามีแอกและไถเป็นต้น อันโอฬารของสมณะนั้น สมณะนั้นพูดเท็จหรือไม่หนอ จึงชำเลืองดูพระผู้มีพระภาคเจ้าตั้งแต่พื้นพระบาท จนถึงปลายพระเกสา รู้สมบัติคือลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ อย่าง ของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น...
...กล่าวตู่พระตถาคตโดยนัยเป็นต้นว่า ขึ้นชื่อว่าพระพุทธเจ้านั้น เป็นโลกุตระทั้งพระองค์ พระอาการ ๓๒ มีพระเกสาเป็นต้นของพระองค์ล้วนเป็นโลกุตระทั้งนั้น ดังนี้...
...ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงยังถนนในพระนครให้สว่างไสวด้วยพระรัศมีแห่งพระสรีระอันรุ่งเรื่องด้วยความรุ่งเรื่องต่าง ๆ ไพโรจน์ด้วยพุทธสิริอันหาอุปมามิได้ ประดับด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ สว่างด้วยพระอนุพยัญชนะ ๘๐ ซึ่งตามประชิดล้อมรอบด้วยพระรัศมีด้านละวา จึงทรงชมเชยตั้งแต่พระอุณหิสจนถึงพื้นพระบาท ด้วยคาถาชื่อว่านรสีหะ ๘ ประการ มีอาทิอย่างนี้ว่าพระผู้นรสีหะมีพระเกสาเป็นลอนอ่อนดำสนิท มีพื้นพระนลาตปราศจากมลทินดุจพระอาทิตย์ มีพระนาสิกโค้งอ่อนยาวพอเหมาะ ซ่านไปด้วยพระข่ายแห่งพระรัศมี ดังนี้...
ພຣະພຸດທະເຈົ້າຕັດໄວ້ເອງວ່າ ພຣະອົງມີຜົມດຳລ້ວນ ແລະຕອນອອກບວດກໍບໍ່ໄດ້ໂກນໃຫ້ໂຫຼ້ນ
...ดูก่อนราชกุมาร สมัยต่อมา เมื่ออาตมภาพยังเป็นหนุ่ม มีผมดำสนิทประกอบด้วยวัยกำลังเจริญ เป็นปฐมวัย เมื่อมารดาบิดาไม่ปรารถนา [จะให้บวช] ร้องไห้น้ำตานองหน้าอยู่ ได้ปลงผมและหนวด...
ກິດໃນການປົງຜົມ ແລະ ໜວດ ອີກ ຂອງພຣະພຸດທະເຈົ້າບໍ່ມີ ຫຼັງຈາກຕັດພຣະເກສາ ເຫຼືອປະມານ 2 ອົງຄຸລີ (ນິ້ວມື) ວຽນຂວາແນບຕິດພຣະສຽນ (ຜົມກໍຢູ່ແຕ່ພຽງຊ່ຳນັ້ນ)
...ลำดับนั้น จึงทรงดำริว่า เราจักเอาพระขรรค์ตัดด้วยตนเองทีเดียวจึงเอาพระหัตถ์ขวาจับพระขรรค์ เอาพระหัตถ์ซ้ายจับพระจุฬา (จุก) พร้อมกับพระเมาลี (มวยผม) แล้วจึงตัดพระเกสาเหลือประมาณ ๒ องคุลี เวียนขวาแนบติดพระเศียร พระเกสาเหล่านั้น ได้มีอยู่ประมาณนั้นเท่านั้น จนตลอดพระชนม์ชีพ และพระมัสสุก็ได้มีพอเหมาะกับพระเกสานั้น ชื่อว่ากิจในการปลงพระเกศาและพระมัสสุ ไม่มีอีกต่อไป
ເບິ່ງຂໍ້ມູນເພີ່ມຕື່ມໃນອະນຸພະຍັນຊະນະ 80 ປະການ "ເສັ້ນພຣະເກສາວຽນເປັນທັກຂິນາວັດທຸກໆເສັ້ນ"
ເມື່ອວິເຄາະຕາມຂໍ້ມູນທີ່ມີ ຜູ້ຂຽນເຊື່ອວ່າ ພຣະສຽນຂອງພຣະພຸດທະເຈົ້າບໍ່ໄດ້ໂຫຼ້ນເໝືອນຂອງພຣະສາວົກ ເບິ່ງຕົວຢ່າງ ເລື່ອງພຣະພັດທາກຸນທົນເກສາເຖຣີ ປະກອບເພີ່ມເຕີມ ເອຕະທັກຄະຜູ້ເປັນເລີດກວ່າພິກຂຸນີຜູ້ຕຣັດສະຮູ້ໄວ ເຄີຍໄດ້ບວດໃນສຳນັກຂອງພວກນິຄຣົນກໍມີຜົມງອກຂຶ້ນເປັນວົງກົມຄ້າຍຄືຕຸ້ມຫູ ໂດຍເປັນກຸ່ມກ້ອນຂຶ້ນມາ ຈຶ່ງມີຊື່ວ່າ ກຸນທົນເກສາ (ສະແດງໃຫ້ເຫັນເຖິງຄວາມຕ່າງຂອງຄົນມີຢູ່ ຕາມທຳມະຊາດຈັດສັນ)
...พวกนิครนถ์รับว่าดีแล้ว จึงเอาก้านตาลทิ้งถอนผมของนางแล้วให้บวช ผมเมื่อจะงอกขึ้นอีกก็งอกขึ้นเป็นวงกลมคล้ายตุ้มหู โดยเป็นกลุ่มก้อนขึ้นมา เพราะเหตุนั้นนางจึงเกิดมีชื่อว่า กุณฑลเกสา...
ແນວໃດກໍຕາມ ວັດຖຸບໍ່ແມ່ນສາລະ ພຣະພຸດທະເຈົ້າໃຫ້ມີທັມເປັນທີ່ເພິ່ງ
ดูก่อนอานนท์ ก็ภิกษุพวกใดพวกหนึ่ง ในบัดนี้ก็ดี ในกาลที่เราล่วงไปก็ดี จักเป็นผู้มีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่ง คือ มีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นที่พึ่ง ไม่มีสิ่งอื่นเป็นที่พึ่งอยู่ พวกภิกษุเหล่านี้นั้นที่เป็นผู้ใคร่ต่อการศึกษา จักเป็นผู้เลิศ
ລະວັງ ... ຖ້າພຣະພຸດທະເຈົ້າບໍ່ໄດ້ໂຫຼ້ນຈິງ ແຕ່ກໍໄປແຕ່ມພາບ ຫຼື ໄປສ້າງຮູບປັ້ນ ສົມມຸດຂຶ້ນມາ ໃຫ້ເພິ່ນເປັນວັດຖຸທີ່ບໍ່ມີໃຈ (1) ໃຫ້ເພິ່ນໂຫຼ້ນ (1) ກໍເປັນການ ກ່າວຕູ່ພຣະອົງດ້ວຍຄວາມບໍ່ຈິງ ເພາະເປັນການເຫັນຜິດ ດັ່ງພຣະສູດນີ້
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้ย่อมกล่าวตู่ตถาคต ๒ จำพวกเป็นไฉน คือ คนเจ้าโทสะซึ่งมีโทษอยู่ภายใน ๑ คนที่เชื่อโดยถือผิด ๑ ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย คน ๒ จำพวกนี้ ย่อมกล่าวตู่ตถาคต
ເມື່ອກ່າວຕູ່ພຣະອົງ ຍ່ອມປະສົບບາບ ບໍ່ແມ່ນບຸນເປັນອັນມາກ ດັ່ງພຣະສູດນີ້
...ดูก่อนโมฆบุรุษ ก็เมื่อเป็นดังนั้น เธอกล่าวตู่เราด้วยขุดตนเสียด้วย จะประสบบาปมิใช่บุญมากด้วย เพราะทิฏฐิที่ตนถือชั่วแล้วดูก่อนโมฆบุรุษ ก็ความเห็นนั้นของเธอจักเป็นไปเพื่อโทษไม่เป็นประโยชน์ เพื่อทุกข์ตลอดกาลนาน...
ໝາຍເຫດ : ອັນນີ້ເປັນພຽງແຕ່ການວິເຄາະຕາມຂໍ້ມູນທີ່ມີ ແຕ່ຖ້າຈະໃຫ້ຊັດເຈນ ຕ້ອງມີຄວາມສາມາດພິເສດຮູ້ໄດ້ວ່າ ພຣະສຽນຂອງເພິ່ນມີລັກສະນະເປັນແບບໃດ