#ພຣະພຸດທະເຈົ້າຫົວໂຫຼ້ນຫຼືບໍ່ ?

ບາງຄົນຍົກເອົາຄຳດ່າຂອງພຣາມມາເປັນຂໍ້ອ້າງອີງວ່າພຣະພຸດທະເຈົ້າຕ້ອງຫົວໂລ້ນຄືກັນກັບຄຳດ່າ

...อัคคิกภารทวาชพราหมณ์ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้าเสด็จมาแต่ไกลทีเดียว ครั้นแล้วได้กราบทูลพระผู้มีพระภาคเจ้าว่า หยุดอยู่ที่นั่นแหละคนโล้น หยุดอยู่ที่นั่นแหละสมณะ...

ອັນນີ້ບໍ່ສົມເຫດຜົນ ເພາະມີຫຼັກຖານຢູ່ຫຼາຍຂໍ້ທີ່ບົ່ງບອກວ່າເພິ່ນມີຜົມ ເພາະຖ້າຫົວໂລ້ນກະຄົງຊິບໍ່ເວົ້າເຖິງພຣະເກສາ ເຊັ່ນ ພຣະພຸດທະເຈົ້າໄດ້ປະທານພຣະເກສາ 8 ເສັ້ນ ແກ່ສອງພານິດ ຖ້າວ່າເພິ່ນບໍ່ມີຜົມ ຊິເອົາຜົມມາແຕ່ໃສມາໃຫ້ ?

...ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ขอพระองค์โปรดประทานเจดีย์สำหรับบูชาแก่พวกข้าพระองค์เถิด พระศาสดาทรงเอาพระหัตถ์ขวาลูบพระเศียรแล้วประทานเส้นพระเกศธาตุ ๘ เส้น แก่ชนแม้ทั้งสอง ชนทั้งสองนั้นวางพระเกศธาตุไว้ในผอบทองคำนำไปสู่นครของตน ให้บรรจุพระเกศธาตุของพระพุทธเจ้าที่ยังมีพระชนม์ไว้ที่ประตูอสิตัญชนนคร ในวันอุโบสถก็มีรัศมีสีนิลเปล่งออกมาจากพระเจดีย์...

ອັນນີ້ກະເວົ້າເຖິງພຣະເກສາ

...ในขณะนั้นท่านพระราหุลเสด็จไป ณ เบื้องพระปฤษฎางค์ของพระผู้มีพระภาคเจ้าทรงแลดูพระตถาคตตั้งแต่พื้นพระบาทจนถึงปลายพระเกสา ท่านพระราหุลนั้นทอดพระเนตรเห็นความงดงามของเพศพระพุทธเจ้าของพระผู้มีพระภาคเจ้า จึงดำริว่า พระผู้มีพระภาคเจ้าทรงมีพระสรีระวิจิตรด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการงดงาม...

ອັນນີ້ກະເວົ້າເຖິງພຣະເກສາ

...ลำดับนั้น พราหมณ์ได้เกิดความคิดว่า สมณะนี้ตรัสว่า เราก็ไถและหว่าน ดังนี้ เราไม่เห็นเครื่องมือสำหรับทำนามีแอกและไถเป็นต้น อันโอฬารของสมณะนั้น สมณะนั้นพูดเท็จหรือไม่หนอ จึงชำเลืองดูพระผู้มีพระภาคเจ้าตั้งแต่พื้นพระบาท จนถึงปลายพระเกสา รู้สมบัติคือลักษณะอันประเสริฐ ๓๒ อย่าง ของพระผู้มีพระภาคเจ้านั้น...

ອັນນີ້ກະເວົ້າເຖິງພຣະເກສາ

...กล่าวตู่พระตถาคตโดยนัยเป็นต้นว่า ขึ้นชื่อว่าพระพุทธเจ้านั้น เป็นโลกุตระทั้งพระองค์ พระอาการ ๓๒ มีพระเกสาเป็นต้นของพระองค์ล้วนเป็นโลกุตระทั้งนั้น ดังนี้...

ອັນນີ້ກະເວົ້າເຖິງພຣະເກສາ

...ได้เห็นพระผู้มีพระภาคเจ้า ทรงยังถนนในพระนครให้สว่างไสวด้วยพระรัศมีแห่งพระสรีระอันรุ่งเรื่องด้วยความรุ่งเรื่องต่าง ๆ ไพโรจน์ด้วยพุทธสิริอันหาอุปมามิได้ ประดับด้วยมหาปุริสลักษณะ ๓๒ ประการ สว่างด้วยพระอนุพยัญชนะ ๘๐ ซึ่งตามประชิดล้อมรอบด้วยพระรัศมีด้านละวา จึงทรงชมเชยตั้งแต่พระอุณหิสจนถึงพื้นพระบาท ด้วยคาถาชื่อว่านรสีหะ ๘ ประการ มีอาทิอย่างนี้ว่าพระผู้นรสีหะมีพระเกสาเป็นลอนอ่อนดำสนิท มีพื้นพระนลาตปราศจากมลทินดุจพระอาทิตย์ มีพระนาสิกโค้งอ่อนยาวพอเหมาะ ซ่านไปด้วยพระข่ายแห่งพระรัศมี ดังนี้...

ກິດໃນການປົງພຣະເກສາແລະພຣະມັດສຸຂອງພຣະພຸດທະເຈົ້າແມ່ນບໍ່ມີ ຫຼັງຈາກຕັດພຣະເກສາເຫຼືອປະມານ 2 ອົງຄຸລີ ວຽນຂວາແນບຕິດພຣະສຽນ ອັນນີ້ກະເວົ້າເຖິງພຣະເກສາ

...ลำดับนั้น จึงทรงดำริว่า เราจักเอาพระขรรค์ตัดด้วยตนเองทีเดียวจึงเอาพระหัตถ์ขวาจับพระขรรค์ เอาพระหัตถ์ซ้ายจับพระจุฬา (จุก) พร้อมกับพระเมาลี (มวยผม) แล้วจึงตัดพระเกสาเหลือประมาณ ๒ องคุลี เวียนขวาแนบติดพระเศียร พระเกสาเหล่านั้น ได้มีอยู่ประมาณนั้นเท่านั้น จนตลอดพระชนม์ชีพ และพระมัสสุก็ได้มีพอเหมาะกับพระเกสานั้น ชื่อว่ากิจในการปลงพระเกศาและพระมัสสุ ไม่มีอีกต่อไป

ເບິ່ງຂໍ້ມູນເພີ່ມຕື່ມໃນອະນຸພະຍັນຊະນະ 80 ປະການ "ເສັ້ນພຣະເກສາວຽນເປັນທັກຂິນາວັດທຸກໆເສັ້ນ"

ໝາຍເຫດ : ເວົ້າຕາມຂໍ້ມູນທີ່ມີ ແຕ່ຖ້າຈະໃຫ້ຊັດເຈນ ຕ້ອງມີຄວາມສາມາດພິເສດຮູ້ໄດ້ວ່າ ພຣະສຽນຂອງເພິ່ນມີລັກສະນະເປັນແບບໃດ

ກະທູ້ທີ່ກ່ຽວຂ້ອງ :  #ສອນໂລກຸຕະຣະທັມແຕ່ຖຽງໃຫ້ໄດ້ຂາບວັດຖຸຕ່ຳໆ (ງົງ)  #ຍັງບໍ່ທັນຕັດສະຮູ້ ເອີ້ນວ່າ ໂພທິສັດ ຕັດສະຮູ້ແລ້ວຈຶ່ງເອີ້ນວ່າພຣະພຸດທະເຈົ້າ (ພຣະພຸດທະເຈົ້າປາງບຳເພັນທຸກະລະກິລິຍາບໍ່ມີ ພຣະພຸດທະເຈົ້ານ້ອຍກໍບໍ່ມີ)  #ຮູ້ເລື່ອງພຣະພຸດທະຮູບຕາມຄວາມເປັນຈິງ (ໜັງສືຈາກ samyaek.com)  #ພຣະພຸດທະເຈົ້າບັນຍັດສິກຂາບົດໃຫ້ສາວົກ ບໍ່ໄດ້ບັນຍັດໃຫ້ພຣະອົງເອງ (ພຣະພຸດທະເຈົ້າບໍ່ຈຳເປັນຕ້ອງໂຫຼ້ນເໝືອນສາວົກເພາະເຫດພຽງເທົ່ານີ້)