#ພຣະພຸດທະເຈົ້າຕຳໜິພຣະອໍຣະຫັນກໍມີ
ຕ້ອງເຂົ້າໃຈວ່າ ພຣະພຸດທະເຈົ້າເທົ່ານັ້ນ ບໍ່ມີຂໍ້ບົກຜ່ອງ ເພາະມີຄວາມບໍລິສຸດຢູ່ 4 ຢ່າງ ທີ່ບໍ່ຕ້ອງຮັກສາ ຄື (1) ກາຍສະມາຈານບໍລິສຸດ (2) ວະຈີສະມາຈານບໍລິສຸດ (3) ມະໂນສະມາຈານບໍລິສຸດ (4) ອາຊີວະບໍລິສຸດ ສ່ວນສາວົກ ເຖິງແມ່ນວ່າເປັນພຣະອໍຣະຫັນແລ້ວກໍຕາມ ຍ່ອມມີຂໍ້ບົກຜ່ອງ ຍ່ອມມີຂໍ້ຕຳໜິເປັນທຳມະດາ.
ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ความบริสุทธิ์ที่ตถาคตไม่ต้องรักษา ๔ อย่างเหล่านี้ ๔ อย่างอะไรบ้าง ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตมีกายสมาจารบริสุทธิ์ ตถาคตไม่มีกายทุจริตที่จะพึงรักษาว่า ผู้อื่นอย่าได้รู้สิ่งนี้ของเราเลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลายตถาคตมีวจีสมาจารบริสุทธิ์ตถาคตไม่มีวจีทุจริตที่จะพึงรักษาว่า ผู้อื่นอย่าได้รู้สิ่งนี้ของเราเลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลายตถาคตมีมโนสมาจารบริสุทธิ์ ตถาคตไม่มีมโนทุจริตที่จะพึงรักษาว่า ผู้อื่นอย่าได้รู้สิ่งนี้ของเราเลย ดูก่อนภิกษุทั้งหลาย ตถาคตมีอาชีวะบริสุทธิ์ ตถาคตไม่มีมิจฉาชีวะที่จะพึงรักษาว่า ผู้อื่นอย่าได้รู้สิ่งนี้ของเราเลย ดังนี้
ດັ່ງໃນເລື່ອງນີ້ ຕຳໜິພຣະສາຣີບຸດທີ່ຈະບໍ່ວ່າກ່າວສັ່ງສອນຄົນອື່ນ
ลำดับนั้น พระศาสดาเมื่อจะทรงยกข้อตำหนิ เพราะมโนทุจริตนั้น ของพระเถระ จึงตรัสว่า "เธอจงรอก่อนสารีบุตร ความคิดอย่างนี้ไม่ควรที่เธอจะให้เกิดขึ้นอีกเลยสารีบุตร" แม้เพียงความคิดว่า "เราจะไม่ว่ากล่าวสั่งสอนคนอื่น อย่างนี้" ก็ชื่อว่าเป็นมโนทุจริต ของพระเถระ
ຕຳໜິພຣະມະຫາກັດສະປະເຖຣະ ຜູ້ກຳລັງເລັງທິບຈັກຂຸ ກວດເບິ່ງສັດທັງຫຼາຍຈຸຕິແລະເກີດຢູ່ວ່ານັ້ນບໍ່ແມ່ນວິໄສຂອງສາວົກ
...การรู้จุติและปฏิสนธิของสัตว์เหล่านั้น ไม่ใช่วิสัยของเธอ วิสัยของเธอมีประมาณน้อย ส่วนการรู้การเห็นสัตว์ทั้งหลายผู้จุติและเกิดอยู่โดยประการทั้งปวงเป็นวิสัยของพระพุทธเจ้าทั้งหลายเท่านั้น...
ຕຳໜິພຣະມະຫາກັບປິນະເຖຣະ ທີ່ບໍ່ເຄີຍໃຫ້ໂອວາດແກ່ລູກສິດຂອງເພິ່ນເລີຍ
...ดูก่อนพราหมณ์ เธออย่าทำอย่างนี้ ตั้งแต่วันนี้ไป เธอจงแสดงธรรมแก่อันเตวาสิกทั้งหลาย. ท่านรับพระพุทธดำรัสด้วยเศียรเกล้าว่า ดีละพระเจ้าข้า แล้วแสดงธรรมสอนสมณะพันรูป ในการประชุมคราวเดียวเท่านั้น ให้เธอบรรลุพระอรหัตหมดทุกรูป...
ຕຳໜິພຣະມະຫາກັບປິນະເຖຣະ ທີ່ຄິດວ່າຄວນໄປທຳອຸໂບສົກ ຫຼື ບໍ່ຄວນໄປ ເພາະໄດ້ຫຼຸດພົ້ນແລ້ວ
...ดูก่อนพราหมณ์ทั้งหลาย ถ้าพวกเธอไม่สักการะ ไม่เคารพ ไม่นับถือ ไม่บูชา ซึ่งอุโบสถ เมื่อเป็นเช่นนี้ ใครเล่าจักสักการะ เคารพ นับถือ บูชา ซึ่งอุโบสถ ดูก่อนพราหมณ์ เธอจงไปทำอุโบสถ จะไม่ไปไม่ได้ จงไปทำสังฆกรรม จะไม่ไปไม่ได้ ท่านพระมหากัปปินะรับสนองพระพุทธพจน์ว่า อย่างนั้น พระพุทธเจ้าข้า...
ພຣະຂີນາສົບກໍຕ້ອງອາບັດ
ก็ในบทว่า ตานิ อาปชฺชติปิ วุฏฺฐาติปิ นี้ มีอธิบายว่า พระขีณาสพไม่ต้องอาบัติที่เป็นโลกวัชชะเลย จะต้องก็แต่อาบัติที่เป็นปัณณัตติวัชชะเท่านั้น และเมื่อต้องก็ต้องทางกายบ้าง ทางวาจาบ้าง ทางใจบ้าง คือ เมื่อต้องทางกาย ก็ต้องกุฏิการสิกขาบทและสหไสยลิกขาบทเป็นต้น เมื่อต้องทางวาจา ก็ต้องสัญจริตตสิกขาบท และปทโสธัมมสิกขาบทเป็นต้น เมื่อต้องทางใจก็ต้อง (เพราะ) รับรูปิยะ. แม้ในบทที่เหลือก็มีนัยนี้แล. บทว่า น หิเมตฺถ ภิกฺขเว อภพฺพตา วุตฺตา ความว่า ดูก่อนภิกษุทั้งหสาย ก็ในที่นี้เราตถาคตมิได้กล่าวว่า พระอริยบุคคลไม่ควรทั้งในการต้องและการออกจากอาบัติเห็นปานนี้
ພຣະຂີນາສົບທີ່ຟັງມາໜ້ອຍ ເພາະບໍ່ສະຫຼາດໃນພຸດທະບັນຍັດ ກໍຍ່ອມຕ້ອງອາບັດ
...พระขีณาสพที่ฟังมาน้อย ย่อมไม่ต้องอาบัติที่เป็นโลกวัชชะ ก็จริงอยู่, แต่เพราะไม่ฉลาดในพุทธบัญญัติ ก็ย่อมจะต้องอาบัติในกายทวาร ประเภททำวิหาร ทำกุฏิ ( คลาดเคลื่อนไปจากพุทธบัญญัติ ) อยู่ร่วมเรือน นอนร่วมกัน ( กับอนุปสัมบัน เป็นต้น ) ย่อมต้องอาบัติในวจีทวารประเภทชักสื่อ กล่าวธรรม โดยบท พูดเกินกว่า ๕-๖ คำ บอกอาบัติที่เป็นจริง ( เป็นต้น ) ย่อมต้องอาบัติเพราะรับเงินรับทอง ในทางมโนทวารด้วยอำนาจยินดีเงินทองที่เขาเก็บไว้เพื่อตน...
ການຕຳໜິຂອງພຣະພຸດທະເຈົ້າເປັນໄປເພື່ອຄວາມຈະເລີນໃນອະຣິຍະວິໄນ ເພື່ອຮັກສາທຳນຽມທັມ ເພື່ອຮັກສາວົງ
...พราะผู้ใดเห็นโทษโดยความเป็นโทษ แล้วทำคืนตามธรรม ถึงความสำรวมต่อไป ข้อนั้น เป็นความเจริญในอริยวินัย...
ແຕ່ຖ້າເວົ້າໃນແງ່ຂອງການຫຼຸດພົ້ນ ພຣະພຸດທະເຈົ້າຈະບໍ່ຕຳໜິພຣະຂີນາສົບ ດັ່ງເຊັ່ນພຣະສູດນີ້ ບໍ່ຕຳໜິພຣະສັນນະພິກຂຸທີ່ນຳສາດຕາມາຂ້າຕົວຕາຍແລ້ວສຳເລັດເປັນພຣະອໍຣະຫັນ ເປັນສົມສີສີແລ້ວປະຣິນິບພານ
...ดูก่อนสารีบุตร บุคคลใดแล ทิ้งกายนี้และยึดมั่นกายอื่นบุคคลนั้นเราเรียกว่า ควรถูกตำหนิ ฉันนภิกษุหามีลักษณะนั้นไม่ ฉันนภิกษุหาศาสตรามาฆ่าตัวอย่างไม่ควรถูกตำหนิ...
ບໍ່ຕຳໜິພຣະສາຣີບຸດ ແລະ ພຣະຂີນາສົບ ໕໐໐ ອົງ ທີ່ຫຼຸດພົ້ນແລ້ວ
...พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า สารีบุตร เราติเตียนกรรมไร ๆ อันเป็นไปทางกายหรือทางวาจาของเธอไม่ได้เลย สารีบุตร เธอเป็นบัณฑิต สารีบุตรเธอเป็นผู้มีปัญญามาก เป็นผู้มีปัญญาแน่นหนา สารีบุตร เธอเป็นผู้มีปัญญาชวนให้ร่าเริง เป็นผู้มีปัญญาไว เป็นผู้มีปัญญาหลักแหลม เป็นผู้มีปัญญาแหลมคม สารีบุตร โอรสพระองค์ใหญ่ของพระเจ้าจักรพรรดิ ย่อมยังจักรอันพระราชบิดาให้เป็นไปแล้ว ให้เป็นไปตามได้โดยชอบ ฉันใด สารีบุตร เธอก็ฉันนั้นเหมือนกัน ย่อมยังธรรมจักรอันยอดเยี่ยม อันเราให้เป็นไปแล้วให้เป็นไปตามได้โดยชอบแท้จริง ท่านพระสารีบุตรจึงกราบทูลอีกว่า ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ หากว่าพระผู้มีพระภาคเจ้า ไม่ทรงติเตียนกรรมไร ๆ อันเป็นไปทางกาย หรือทางวาจาของข้าพระองค์ไซร้ ข้าแต่พระองค์ผู้เจริญ ก็พระผู้มีพระภาคเจ้าจะไม่ทรงติเตียนกรรมไร ๆ อันเป็นไปทางกายหรือทางวาจาของภิกษุ ๕๐๐ รูปเหล่านี้บ้างหรือ พระผู้มีพระภาคเจ้าตรัสว่า สารีบุตร เราไม่ติเตียนกรรมไร ๆ อันเป็นไปทางกายหรือทางวาจา ของภิกษุ ๕๐๐ รูปแม้เหล่านี้ สารีบุตร เพราะบรรดาภิกษุ ๕๐๐ รูปเหล่านั้น ภิกษุ ๑๐ รูป เป็นผู้ได้วิชชา ๓ อีก ๖๐ รูปเป็นผู้ได้อภิญญา ๖ อีก ๖๐ รูป เป็นผู้ได้อุภโตภาควิมุตติ ส่วนที่ยังเหลือเป็นผู้ได้ปัญญาวิมุตติ...
ແຕ່ກໍມີຕຳໜິໃນແງ່ເພື່ອຄວາມຈະເລີນໃນອະຣິຍະວິໄນ ເພື່ອຮັກສາທຳນຽມທັມ ເພື່ອຮັກສາວົງ ດັ່ງທີ່ໄດ້ກ່າວໄວ້ຂ້າງຕົ້ນ ຊຶ່ງເປັນເລື່ອງລະຫວ່າງພຣະສາດສະດາກັບພຣະສາວົກ ແຕ່ຖ້າເປັນຜູ້ອື່ນໄປຕຳໜິພຣະສາວົກ ດັ່ງເຊັ່ນ ພຣະໂກກາລິກ ຕາຍແລ້ວໄປເກີດໃນປະທຸມະນະຣົກ