#ຖືພຸດແລ້ວກໍຍັງມາຖາມວ່າຖືຢ່າງອື່ນໄດ້ບໍ່
...ดังนั้น สาวกทั้งหลายของเรา ผู้อันเราสั่งสอนอยู่อย่างนี้ พร่ำสอนอยู่อย่างนี้ บางพวกก็บรรลุถึงนิพพาน อันจบสิ้นโดยส่วนเดียว บางพวกก็ไม่บรรลุ ดูก่อนพราหมณ์ในเรื่องนี้เราจะทำอย่างไรได้ ดูก่อนพราหมณ์ พระตถาคตเป็นเพียงผู้บอกหนทาง...
...ดูก่อนภิกษุทั้งหลายเมื่อพระตถาคตเจ้าบอก แสดง บัญญัติ แต่งตั้ง เปิดเผย จำแนก กระทำให้ตื้นอยู่อย่างนี้ ผู้ใดไม่รู้ ไม่เห็น เราตถาคตจะทำอะไรเขา ผู้ซึ่งเป็นคนพาล เป็นปุถุชน เป็นคนบอด ไม่มีจักษุ ไม่รู้ไม่เห็นอยู่...
ເພາະຄວາມບໍລິສຸດແລະບໍ່ບໍລິສຸດເປັນຂອງສະເພາະຕົນ ຜູ້ອື່ນບໍ່ພຶ່ງໃຫ້ຜູ້ອື່ນບໍລິສຸດໄດ້ ໃຜຖືແລ້ວລະເມີດສັດຈະຂອງຕົນເອງ ເຮັດບໍ່ຖືກຍ່ອມເປັນໂທດແກ່ຜູ້ນັ້ນເອງ
......ความชั่วอันบุคคลกระทำด้วยตน บุคคลนั้นจักเศร้าหมองด้วยตนเอง ความชั่วอันบุคคลไม่กระทำด้วยตนบุคคลนั้นจะบริสุทธิ์ด้วยตนเอง ความบริสุทธิ์และความไม่บริสุทธิ์เป็นของเฉพาะตน ผู้อื่นไม่พึงให้ผู้อื่นบริสุทธิ์ได้...
ປະເດັນຈຶ່ງບໍ່ໄດ້ຢູ່ທີ່ວ່າ "ບໍ່ໄດ້ບັງຄັບ" ໃນແງ່ທີ່ວ່າມານີ້ ເພາະ "ບໍ່ໄດ້ບັງຄັບ" ກັບ "ເຮັດຜິດ" ມັນຄົນລະເລື່ອງກັນ ບໍ່ຄວນເບິ່ງທີ່ວ່າ ບໍ່ໄດ້ບັງຄັບ ແຕ່ໃຫ້ເບິ່ງວ່າ ຖ້າປະກາດຕົນວ່າຖືແລ້ວ ແຕ່ເຮັດບໍ່ຖືກ ຈະມີໂທດແນວໃດ ຖືແລ້ວລະເມີດສັດຈະຂອງຕົນເອງຈະເປັນແນວໃດ ໂລກີຍະສະຣະນະຄົມນັ້ນຍ່ອມເສົ້າໝອງດ້ວຍຄວາມບໍ່ຮູ້ ຄວາມສົງໄສ ແລະຄວາມເຫັນຜິດ ເປັນຕົ້ນ ແລະຖ້າຖືບໍ່ຖືກ ກໍເປັນອຸບາສົກຜູ້ຊາດຊົວ ເສົ້າໝອງແລະໜ້າລັງກຽວ
...ก็ในสองอย่างนี้ โลกิยสรณคมน์จักเศร้าหมองด้วยความไม่รู้ ความสงสัย และความเห็นผิด ในวัตถุ ๓ ประการ (พระรัตนตรัย) เป็นต้น ไม่โชติช่วง ไม่กว้างขวาง ส่วนโลกุตรสรณคมน์ ไม่มีความเศร้าหมอง อนึ่ง การขาดแห่งโลกิยสรณคมน์มีสองอย่างคือ (ขาด) ที่มีโทษ และ(ขาด) ที่ไม่มีโทษบรรดา ๒ อย่างนั้น ความขาดที่มีโทษ มีได้ เพราะการมอบตนในศาสดาอื่นเป็นต้น และความขาดที่มีโทษนั้น มีผลไม่น่าปรารถนา ส่วนความขาดที่ไม่มีโทษ มีได้เพราะถึงแก่กรรม ความขาดนั้นไม่มีผล เพราะไม่มีวิบากส่วนโลกุตรสรณคมณ์ ไม่มีการขาดเลย เพราะว่า พระอริยสาวกแม้ในภพอื่นก็จะไม่อ้างศาสดาอื่น (ว่าเป็นสรณะ) เพราะฉะนั้น พึงทราบความเศร้าหมองและความขาดแห่งสรณคมน์ ดังพรรณนามานี้
ຖ້າເວົ້າໃນແງ່ທີ່ເພິ່ງອັນປະເສີດສຸດ ບໍ່ມີທີ່ເພິ່ງອື່ນຍິ່ງກວ່າ (ມີແຕ່ສາດສະໜາພຸດເທົ່ານັ້ນທີ່ມີອະຣິຍະມັກ 8 ແລະທັກຂິໄນຍະບຸກຄົນ 4 ຄູ່)
...ดูก่อนสุภัททะ อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ หาไม่ได้ในธรรมวินัยใด แม้สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ก็หาไม่ได้ในธรรมวินัยนั้นสุภัททะ อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ หาได้ในธรรมวินัยใด แม้สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ หาได้ในธรรมวินัยนั้น สุภัททะ อริยมรรคอันประกอบด้วยองค์ ๘ หาได้ในธรรมวินัยนี้ สมณะที่ ๑ ที่ ๒ ที่ ๓ ที่ ๔ ก็มีอยู่ในธรรมวินัยนี้ ลัทธิอื่น ๆ ว่างจากสมณะผู้รู้ สุภัททะ ก็ภิกษุเหล่านี้ พึงอยู่โดยชอบโลกจะไม่พึงว่างจากพระอรหันต์ทั้งหลาย
ພຣະອົງກໍຕັດກົງໄປກົງມາວ່າ ຢ່າມີສິ່ງອື່ນເປັນທີ່ເພິ່ງ
...อานนท์ เธอทั้งหลายจงมีตนเป็นเกาะ มีตนเป็นสรณะอยู่เถิด อย่ามีสิ่งอื่นเป็นสรณะ จงมีธรรมเป็นเกาะ มีธรรมเป็นสรณะ อย่ามีสิ่งอื่นเป็นสรณะเลย
ຄົງມີແຕ່ຜູ້ມີປັນຍາເທົ່ານັ້ນ ທີ່ອ່ານປະໂຫຍກນີ້ "ຢ່າມີສິ່ງອື່ນເປັນສະຣະນະເລີຍ" ແລ້ວເຂົ້າໃຈຄວາມໝາຍ ເບິ່ງຄືເປັນປະໂຫຍກງ່າຍໆ ແຕ່ຍາກຫຼາຍທີ່ຈະເຂົ້າໃຈ ເພາະບຸກຄົນທີ່ຈະຖືພຣະຣັດຕະນະໄຕໄດ້ “ຢ່າງຖືກຕ້ອງ” ບໍ່ແມ່ນເລື່ອງງ່າຍແລະມີປະລິມານໜ້ອຍດ້ວຍ